สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เกี่ยวกับโศกนาฏกรรม เที่ยวบินเจ2-8243 ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส ซึ่งใช้เครื่องบินโดยสารรุ่นเอ็มบราเออร์ อี190 พร้อมผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน ตกใกล้กับเมืองอัคเตา ทางตะวันตกของคาซัคสถาน ระหว่างเดินทางจากกรุงบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน ไปยังเมืองกรอซนี ทางตอนใต้ของรัสเซีย เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย และรอดชีวิต 29 คน


กระทรวงคมนาคมอาเซอร์ไบจานออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับผลการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น เชื่อว่า เครื่องบินลำดังกล่าว “ได้รับแรงกระแทกจากภายนอก” ระหว่างอยู่เหนือเมืองกรอซนี โดยผู้โดยสารที่รอดชีวิตหลายคนให้การไปในทางเดียวกัน ว่าได้ยินเสียงระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง ระหว่างที่เครื่องบินอยู่เหนือเมืองกรอซนี


ขณะที่แถลงการณ์ของอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ส ประกาศการระงับให้บริการเที่ยวบินระหว่างอาเซอร์ไบจาน กับปลายทางอย่างน้อย 10 แห่งในรัสเซีย และระบุด้วยว่า การตกของเที่ยวบินเจ2-8243 เกี่ยวข้องกับ “การก่อกวนทางกายภาพและเทคนิคจากภายนอก”


อย่างไรก็ตาม สำนักงานการบินพลเรือนรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่าทัศนวิสัยที่เมืองกรอซนี ในวันเกิดเหตุ “ไม่ค่อยดีนัก” โดยมีหมอกลงหนาจัด และระบุว่า กองทัพยูเครนกำลังปฏิบัติการด้วยโดรนอยู่ในบริเวณนั้น และเที่ยวบินลำที่ประสบเหตุพยายามลงจอดแล้วสองครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ


ด้วยเหตุนี้ หอบังคับการบินจึงเสนอสนามบินทางเลือกให้กับเที่ยวบินดังกล่าว คือ สนามบินในเมืองอัคเตา และกล่าวว่า สนามบินในเมืองกรอซนี ระงับให้บริการเที่ยวบินขาเข้าและขาออกแล้ว แต่ไม่ได้ระบุชัดเจน ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด


อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของอาเซอร์ไบจาน สื่อหลายแห่งในยุโรป สื่อของตุรกี และสื่อของสหรัฐรวมถึงเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในการสืบสวนสอบสวน และผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐ ว่าระบบขีปนาวุธ ระบบอาวุธ​ปล่อย​นำ​วิถี​ป้องกันภัยทางอากาศพิสัยใกล้แบบอัตตา​จร​ “แพนต์เซอร์-เอส” ของรัสเซีย แต่การโจมตีน่าจะเกิดขึ้น “โดยไม่เจตนา” .

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES