เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 จะมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่ ว่า รัฐบาลชุดนี้มีเสถียรภาพสูง เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีรัฐบาลที่มีเสียงในสภาเกินกึ่งหนึ่งเทียบเท่ากับรัฐบาลนี้ ดังนั้น เมื่อเสถียรภาพในเชิงการเมืองจึงมีสูงอย่างแน่นอน ยังไม่เห็นปัจจัยอะไรที่จะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีสามารถแสดงภาวะความเป็นผู้นำได้ชัดเจน สามารถนำพารัฐบาลได้ ความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นไปได้ด้วยดี ปัญหาปลีกย่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมาหาวิธีแก้ไข ไม่มีเรื่องใดที่ขัดแย้งกัน จนหาทางกลับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัจจัยภายนอก ทั้งเรื่องชั้น 14 และกลุ่มผู้ชุมนุมของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้มีคำชี้แจงของฝ่ายที่ถูกพาดพิงออกมาแล้ว อ้างอิงไปตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญและระเบียบต่างๆ ส่วนใหญ่มีเหตุและผล แต่หากยังเป็นที่กังขา ไม่น่าไว้วางใจ ก็ยังมีสภา ที่เป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งแต่ละคนก็ต้องไปชี้แจง
เมื่อถามว่าจากภาพที่นายอนุทิน ไปตีกอล์ฟกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปนี้พรรคภูมิใจไทยจะขวางพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขวาง แค่แสดงจุดยืนและความเห็นในเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยเชื่อถือ ว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยเคารพเสียงส่วนใหญ่ เราได้แสดงเจตนารมณ์ของเราไปแล้ว แต่เมื่อต้องใช้มติจากสภาแล้วมติออกมาไปอีกทางหนึ่ง พรรคภูมิใจไทยก็เคารพเสียงข้างมาก ก็ถือว่าจบไป เช่น ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่เราแพ้โหวตเรื่องล็อก 2 ชั้น เราก็จบ
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดนี้มารวมกันเพราะไฟต์บังคับ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการบังคับที่ทำให้รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชน ไม่ใช่การบังคับให้มาร่วมกัน
เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้ขาดพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครในโลกนี้ที่ขาดไม่ได้ เมื่อถึงเวลาต้องขาดก็ขาดกันได้ทั้งนั้น “Nothing is indispensable.”
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่จนครบวาระและทำงานต่อในรัฐบาลหน้าด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องแยกให้ถูก คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เข้ามาบริหารประเทศ ในรัฐบาลผสม 5-6 พรรค การนำที่ชัดเจนคือนายกรัฐมนตรี ใครบอกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค จะไม่ฟังนายกรัฐมนตรี ก็มาร่วม ครม. ไม่ได้ ส่วนในสภาเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการแสดงออก รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับสภา ถ้านโยบายไหนเป็นของ ครม. พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ต้องให้การสนับสนุน ซึ่งเราก็ทำเช่นนั้นมาตลอด แต่ในเรื่องของสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ บางพรรคบอกควรแก้ บางพรรคบอกไม่ควรแก้ มาตรานี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา จะเอามาควบรวมไม่ได้
เมื่อถามว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีประเด็นร้อนหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องชั้น 14 จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ หรือเป็นชนวนเหตุให้มีอำนาจอื่น เช่น รัฐประหารเข้ามาแทรกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ดูจากคนในคณะรัฐมนตรี และแกนนำทางการเมือง ก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้น การจะร้อนหรือไม่ร้อน อยู่ที่การกระพือข่าวของสื่อโซเชียลและสื่อมวลชน ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด แต่คนที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้ถูกทำนองคลองธรรม ทำตามระเบียบ ไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบ มันก็จะอนุมานได้ว่าไม่ควรเกิดสิ่งที่อยู่นอกระบบ แต่ถ้าวันๆ เอาแต่หาเรื่องทะเลาะกัน ขัดขวางทุกเรื่อง พูดจาดูหมิ่นดูแคลน กระแทกแดกดันกัน ก็จะเพิ่มโอกาสให้อำนาจนอกระบบเข้ามาได้
เมื่อถามว่า ม็อบที่ต่อต้าน นายทักษิณ จะส่งผลกระทบกับต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่ารัฐบาลทำผิดตรงไหน ตอนนี้พยายามผลักดันนโยบายที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนทุกโครงการ ในรัฐบาลยังไม่มีใครเคยมาพูดเรื่องเหล่านี้ หรือปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกันดี แม้แต่ครั้งเดียว พูดแต่เรื่องการคลายความเดือดร้อนและการแก้ปัญหาให้ประชาชน
เมื่อถามว่า แสดงว่าม็อบต่อต้าน นายทักษิณ ไม่มีผลต่อรัฐบาลเลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น การจะเรียกร้องอะไรมีช่องทางให้เรียบร้อย ซึ่งเรื่องชั้น 14 ก็มีคนไปร้องเรียน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว และน่าจะมีการอภิปรายในสภาทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติ คนที่เกี่ยวข้องต้องไปชี้แจง ไม่เว้นแม้แต่กระทรวงมหาดไทย เช่น เรื่องเขากระโดง ก็ต้องไปชี้แจง ไม่มีใครโอดครวญ