เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. พระราชวิจิตรปฏิภาณ เจ้าคณะจังหวัดชุมพร เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันนี้ ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนของภูเขาก่อนที่จะได้ยินเสียงก้อนหินขนาดยักษ์ หล่นลงมาทับท้องถนนและสร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งทั่วบริเวณวัด และบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียง จึงได้สั่งการให้พระเณรทั้งหมดออกมานอก กุฏิที่จำวัดอยู่เพื่อป้องกันกุฏิทั้งหลายจะถล่มลงมา

หลังจากนั้นได้ตรวจสอบพบว่า มีก้อนหินขนาดยักษ์ใหญ่กว่ารถบรรทุก 10 ล้อและก้อนหินขนาดกลางจำนวนมากเลื่อนไถลลงมาบนถนนที่อยู่ในบริเวณวัดและเป็นถนนที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างตำบล มีผู้คนใช้สัญจรเดินทางไปมาตลอดเวลา

จากนั้นได้ทำการสำรวจความเสียหายพบว่าถนนบริเวณดังกล่าว ถูกน้ำหนักของหินถล่มลึกลงไปประมาณ 50 เซนติเมตรจนถึง 1 เมตร และอาคารศาลาภายในวัดจำนวนหนึ่ง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีรอยร้าว นอกจากนั้นยังมีพระเณรจำนวนหนึ่ง ได้เดินขึ้นไปดูบนภูเขาท่ามะภา จึงพบว่าบนยอดเขาสูงแผ่นดินบนภูเขามีรอยร้าวเป็นความกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาวหลาย 10 เมตร และเป็นจุดที่หินก้อนดังกล่าวได้เกาะตัวอยู่มาเป็นเวลานานหลายร้อยปีจนเกิดถล่มขึ้นในวันนี้

ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าน่าจะมาจากการที่ฝนตกอย่างหนักเป็นตลอดระยะเวลาร่วมเดือนที่ผ่านมา ภูเขาดังกล่าวเป็นภูเขาดินแต่มีหินก้อนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ของภูเขา แต่ไม่ได้ยึดติดกับภูเขาหรือไม่ได้มีรากหินลึกลงไป เมื่อดินสไลด์ลงไปเป็นระยะเวลานาน ทำให้หินก้อนขนาดยักษ์จึงไหลลงมาสู่ด้านล่าง ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาตรวจสอบดูแล

ขณะที่ทางวัดได้ประสานงานขอรถแบ๊กโฮของเจ้าของกิจการ 3-5 คันแต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนหินก้อนดังกล่าวออกไปจากพื้นที่ที่เกิดเหตุได้ จึงได้ประสานงานให้กับพันตำรวจเอกฉลาด พลนาการ ผู้กำกับสถานีตำรวจหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาทางแก้ไขและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ต่อไป

นางรัชนี ว่องย่อง อายุ 60 ปี ผู้ดูแลอยู่ภายในวัดพระอารามหลวงแห่งนี้เล่าว่า ในช่วงสายของวันนี้ ขณะที่บรรดาญาติโยมหลายร้อยคนกำลังเดินทางมาทำบุญที่วัดเนื่องในวันพระและเป็นวันใกล้วันสิ้นปี ก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทุกคนต่างวิ่งหนีตายออกจากวัด เมื่อมาดูพบว่ามีก้อนหินขนาดยักษ์เลื่อนไหลลงมา