เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกวิจารณ์ว่าจะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน ว่า เราต้องถามว่ารัฐบาลที่มีอำนาจในการจัดการ ทำอะไรให้ถูกต้องตรงไปตรงมาและไม่มีข้อยกเว้นนั้น ทำไมปล่อยให้คนที่ทำให้เสียหายต่อส่วนรวมลอยนวลอยู่ได้ ความจริงกรณีของนายทักษิณต้องถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่จะมีสักกี่คนที่ได้ลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี มีใครบ้างต้องเอ่ยมา เราไม่เคยได้ยินเลย ฉะนั้นเมื่อได้รับสิ่งนี้แล้ว น่าจะสนองตอบพระมหากรุณาธิคุณโดยปฏิบัติไปตามที่ได้รับพระราชทานมาอย่างเคร่งครัด เมื่อได้รับลดโทษเหลือ 1 ปี ก็ต้องติดคุก 1 ปี ไม่ใช่หาทางเลี่ยงออกไปอย่างนี้ แต่ต้องไปดูที่องค์กรทั้งหลายที่ทำให้คำวินิจฉัยนั้นปฏิบัติได้หรือไม่ นายทักษิณเป็นส่วนประกอบตัวเสริมสนับสนุน แต่องค์กรคือผู้ปฏิบัติ
เมื่อถามว่าจะคาดหวังได้อย่างไรในเมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นบุตรสาวของนายทักษิณ และยังยืนยันว่าต้องให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษา นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา แต่หน้าที่ของรัฐบาลต้องยึดหลักที่ถูกต้องโดยไม่มีข้อแม้ ต้องซื่อสัตย์ สมมุติว่าตัวบุคคลไม่ใช่นายทักษิณก็ต้องเอาหลักนี้ ถูกก็ถูก ผิดก็ผิด ไม่ใช่เป็นการเหลื่อมล้ำหรือยกเว้นกับคนนี้ไม่ต้องปฏิบัติ หรือปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดหลักความถูกต้องชอบธรรม ก็เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปทั้งประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รัฐบาลจะไปประมาทด้วยความเชื่อว่าสามารถคุมได้หมด ก็ต้องระวัง
ต่อข้อถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กับที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จะมีผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าพวกเขาต่างคนต่างอยู่ ทั้งนี้ พรรคประชาชาติเคยอภิปรายเรื่องเขากระโดงไว้หนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ เคยอภิปรายเรื่องนี้สมัยที่เป็นฝ่ายค้าน แต่วันนี้ปัญหาคือต่างคนต่างอยู่ จึงไม่นำมาพูดกัน
เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พุ่งเป้าประเด็นบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับปี 2544 เสี่ยงทำให้เสียดินแดนทางทะเล จะเป็นเงื่อนไขที่จะกระทบกับรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน นายชวน กล่าวว่า มีการโต้ตอบอยู่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในสมัยที่รัฐบาลตนพ้นมาแล้ว แต่ก็ติดตามว่าทำไม คณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติยกเลิกเอ็มโอยูฉบับนี้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์อธิบายให้ตนฟังว่า ข้อตกลงนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศในสมัยนั้นไม่เห็นด้วยกับเอ็มโอยูดังกล่าว แต่เมื่อเป็นความต้องการของฝ่ายการเมืองก็ต้องทำ เขาคงรู้แล้วว่าที่ไปทำไว้มีอะไรที่เป็นจุดอ่อนจุดแข็ง ทำให้เสียเปรียบ แต่ข้อตกลงนี้มีข้อหนึ่งระบุไว้ว่าหากจะหาผลประโยชน์ร่วมกัน จะต้องทำให้ข้อตกลงเรื่องเขตแดนจบก่อน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยังเล่าอีกว่าเคยสอบถามข้าราชการขณะนั้น ว่าปัญหาคือรมว.การต่างประเทศทำไปเพราะเกรงใจนายทักษิณหรือไม่ ปัญหาคือความสัมพันธ์ส่วนตัวถึงขั้นมาขอให้ยอม มันเป็นข้อเท็จจริง และคงมีข้อยุติในวันใดวันหนึ่ง คนที่รู้ก็จะต้องเปิดเผยออกมา