หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ผลัดเปลี่ยนเป็นพรรคประชาชน (ปชน.) คนที่รับแรงกดดันในการแบกพรรคมากที่สุดคือ “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน “ทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งขณะที่พรรคถูกยุบ ชื่อของทิม พิธา ถือว่าบูมมาก เป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่

กระแสของทิม พิธา มาจากการที่เจ้าตัวนำพรรคก้าวไกลสู้ศึกเลือกตั้งจนเป็นพรรคเสียงอันดับหนึ่ง 151 เสียง แต่เจรจา สว.มาร่วมโหวตตั้งรัฐบาลไม่ได้ จนตอนเพื่อไทยตั้งรัฐบาลและเขี่ยก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านถูกวิจารณ์หนักมาก ทิม พิธายังถูกกลั่นแกล้งว่าถือหุ้นไอทีวี ดูจากกระแสสื่อ-หลายคนพากันหาหลักฐานช่วย ก็เห็นชัดถึงความป๊อปปูลาร์ของเขา

เมื่อพรรคก้าวไกลผลัดใบมาถึงเท้ง ณัฐพงษ์ ช่วงแรกๆ ก็มีความพยายามจะชูคำขวัญ “ไอ้เท้งมันเอาตาย” ตัดไม้ข่มนามรัฐบาลว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่นี่แหละตัวจริง จะตรวจสอบให้อยู่ไม่ได้ แต่ด้วยบุคลิกของเจ้าตัวที่ค่อนข้างนุ่มนวล (ที่แฟนคลับพรรคเรียกนุบนิบ) และเหมือน “รับไม้ต่อ” พรรคก้าวไกลในนาทีชุลมุน ภาพการเป็น “นักสู้” จึงไม่แจ่มชัดนัก

ความท้าทายในปี 68 ของหัวหน้าเท้ง คือการสร้างศรัทธาและความนิยมให้พรรคเพิ่มขึ้น จัดการองคาพยพภายในก่อนพรรคจะเป๋ เพราะตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มเยอะว่า “พรรค ปชน.ทำตัวเป็นฝ่ายค้านแบบ old school” คือใช้วิธีเก่าๆ ตีโวหารตีฝีปากเกินไป ด้อยค่าอีกฝั่งหนึ่ง และเหมือนจะพูดโดยไม่เข้าใจปรากฏการณ์ทั้งหมด

คนที่ถูกวิจารณ์หนักเช่น “สส.แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ” สส.กรุงเทพฯ ที่ในการแถลงนโยบายรัฐบาลแพทองธาร ไปพูดถึงเรื่องผลประโยชน์ของชาวเมียนมาที่ทะลักเข้ามาในประเทศไทย จนพรรค ปชน.ถูกล้อเลียนเป็น “พรรคประชาชนพม่า” เพราะเหมือนจะเรียกร้องสิทธิให้ชาวประเทศเพื่อนบ้านมาก จนกลายเป็นข้อวิพากษ์เกี่ยวกับชาตินิยม

“สส.แบงค์” ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ ก็เริ่มโดนพูดถึงทำนองว่า เพราะจิกกัดเรื่อง “นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปตรวจหมอชิตนอกกำหนดการหรือไม่แจ้งล่วงหน้า ว่า “เป็นการสุ่มตรวจปลอม” เพราะว่ามีรัฐมนตรีและ ผอ.ขสมก.มาด้วย จนทำให้คนของเพื่อไทยต้องชี้แจงว่า “เป็นการแวะลงกลางทาง รมต.รู้ก็ตามมา”

ต่อมา “สส.ใบพลู” นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแง่เรื่อง “อดีตนายกฯแม้ว” นายทักษิณ ชินวัตร ไปพบอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ทำนองว่า “คุยอะไร ไปในฐานะอะไร” กลายเป็นขี้ปากเขาอีกว่า “ตาร้อนหรือเปล่า?” เพราะอันวาร์ขอให้อดีตนายกฯ แม้วเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ

ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ฝั่งขั้วการเมืองตรงข้ามรุมถล่มพรรค ปชน. แม้ว่าการแสดงความเห็นของ สส.เป็นเอกสิทธิ์ แต่เวลาถูกวิจารณ์มันถูกมองเป็นภาพเหมารวม ตรงนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าพรรคจะต้องพูดคุยเพื่อกำหนดแนวทางการแสดงบทบาท ที่ออกมาแล้วไม่โดนด้อยค่าด้วย กองเชียร์เขาหวังความท็อปฟอร์มเหมือนทำหน้าที่ช่วงรัฐบาลประยุทธ์และเศรษฐา

เครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำในช่วงปี 68 ของหัวหน้าเท้ง คือเพิ่มแอ๊คชั่นที่ดูแข็งแรงเป็นหน่วยทะลวงฟัน ทำให้คนรู้สึกว่า “คนนี้เหมาะจะเป็นนายกฯ” เพราะหัวหน้าพรรคจะถูกจับจ้องเรื่องนี้ บทพิสูจน์การแสดงบทบาทที่สำคัญที่สุด คือการทำหน้าที่ ผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรค ปชน.บอกว่า “สมัยประชุมสภานี้ยื่นญัตติแน่นอน”

เห็น “9 ปณิธาน” ของพรรคที่ว่าจะทำให้ได้ ดูน่าสนใจที่หัวหน้าเท้งต้องโชว์ความเป็นผู้นำในการผลักดันให้สำเร็จ ถ้าเลือกเอาที่น่าจะโดนใจประชาชน รับรู้ง่าย คือเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การแก้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเพื่อทลายทุนผูกขาดได้จริง ทำพวกนี้ได้ รณรงค์ให้ชัดแม้เป็นเสียงข้างน้อยในสภา จะยิ่งเรียกคะแนนนิยมได้

คิดว่า อาจเป็นที่สนใจและชื่นชมมากกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ที่คงดึงเรื่องไปเรื่อยจนไม่จบในรัฐบาลนี้