จากกรณี นายตั้ม หนุ่มหมัดหนักเมาไล่ชกแหลก หน้าเวทีรถแห่ ที่ จ.สกลนคร จนมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ก่อนจะถูกรวบตัวได้ในเวลาต่อมา นั้น
จับไอ้หนุ่มหมัดหนักเมาเต้นหน้ารถแห่ ต่อยแหลกร่วงเจ็บ 5 สาหัส 1
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ม.ค. 68 ที่ สภ.พรรณานิคม พนักงานสอบสวน ได้คุมตัว นายตั้ม ผู้ก่อเหตุไล่ชกชาวบ้านที่หน้าเวทีรถแห่ ภายหลังนำตัวออกมาสอบสวนแล้วนำกลับเข้าไปคุมขัง จากการสังเกต นายตั้ม มีสภาพอิดโรย ใบหน้าปูดบวม มีแผลแตก บริเวณหัว พูดจาวกวนไปมา พร้อมกับอ้างว่า มีคนจะมาฆ่าตน จึงออกไปให้เขาฆ่า แต่ไม่มีใครฆ่าตน และไม่ตอบคำถามอื่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายตั้ม กินยาพาราแก้ปวด หลังถูกชาวบ้านรุมชกต่อยเมื่อคืนเกิดเหตุ
พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร มอบหมายให้ พ.ต.อ.กัมปนาท เศรษฐ์ฤทธิกุล ผกก.สภ.พรรณานิคม ติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้วจำนวน 5 ราย ในข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ส่วนนายตั้ม ได้ถูกควบคุมตัว อยู่ระหว่างรอสร่างเมาแล้วจะสอบปากคำอีกครั้ง โดยได้ยอมรับว่ากินเหล้าประกอบกับเสพยาเสพติดด้วย ทั้งนี้ พบว่าเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน ในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบสารเสพติดในร่างกาย มีประวัติใช้ยาเสพติดจนป่วย ขาดการรักษาต่อเนื่อง ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจจากแพทย์ว่า นายสมชาย ได้รับอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ หากเกิดการสูญเสียขึ้น ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม และหากตรวจสอบแล้ว นายสมชาย เป็นเจ้าหน้าที่ที่ถูกแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานอย่างถูกต้อง จะเพิ่มข้อกล่าวหาทำร้ายเจ้าพนักงานเข้าไปด้วย เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายฯ กับเสพสารเสพติด
ในขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง ที่บ้านไร่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พบว่าญาติต่างมารวมตัวกันรอฟังข่าวของนายสมชาย ฟองอ่อน ซึ่งขณะนี้เวลา 14.30 น. ยังยืนยันว่า นายสมชาย มีชีวิตอยู่ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร แต่อาการยังสาหัส (สมองตาย) อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ ญาติยังคงยื้อชีวิตไว้ให้นานที่สุด
จากการสอบถาม นางลำดวน พี่สาวของนายสมชาย กล่าวว่า เมื่อรู้ข่าวก็รู้สึกตกใจ ตอนนี้พี่ชายยังอยู่ที่โรงพยาบาล หากเป็นอะไรไปตนก็จะเป็นผู้รับเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนของน้องชายที่อายุเพียง 10 ขวบ กับ 11 ขวบ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว ซึ่งน้องชายนิสัยดี ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ก่อเหตุมาก่อน
ส่วนแม่ดอน เพื่อนบ้าน บอกว่า นายสมชาย เป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นจิตอาสาชอบช่วยเหลืองานบุญ และงานประจำหมู่บ้าน เป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชน มีอะไรก็จะไปช่วยเหลือทุกคน ตลอดเวลารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก.