สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า สัญญาซื้อขายก๊าซ “ดัตช์ ทีทีเอฟ” ซึ่งถือเป็นค่ากลางของตลาดยุโรป อยู่ที่ 51 ยูโร (ราว 1,814.78 บาท) ต่อ 1 เมกะวัตต์ชั่วโมง เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นสถิติสูงที่สุด นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 โดยคิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นราว 4.3%


สถานการณ์ดังกล่าว เป็นผลจากการที่รัสเซียและยูเครน ไม่ต่อสัญญาส่งก๊าซผ่านท่อ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต โดยสัญญาฉบับล่าสุดซึ่งครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี ยุติเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา


แม้คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ยืนยันว่า “ไม่มีความเสี่ยง” ของการเกิด “วิกฤติพลังงาน” ในยุโรป และราคาก๊าซในภูมิภาคยังคงมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ยุโรปกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น หากพยายามหาแหล่งพลังงานใหม่แทนที่ก๊าซซึ่งขาดหายไป ท่ามกลางภาวะราคาก๊าซในภูมิภาคที่แพงขึ้น 50% เมื่อเทียบแบบรายปี


ยิ่งไปกว่านั้น ราคาก๊าซที่แพงขึ้น จะยิ่งส่งผลต่อศักยภาพของอียูเอง ในการแข่งขันด้านพลังงาน และยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนของบรรดาประเทศสมาชิก


ขณะเดียวกัน มีการคาการณ์ด้วยว่า ราคาก๊าซในยุโรปอาจเพิ่มขึ้นอีก หากอียูมุ่งไปที่การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ให้มาแทนที่ ต่อให้มีการนำเข้าก๊าซผ่านเส้นทาง “เติร์กสตรีม” แต่ยังไม่พอทดแทนปริมาณที่ขาดหายไป เมื่อเทียบกับก๊าซที่ผ่านออกจากรัสเซียและยูเครน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES