เมื่อวันที่ 4 ม.ค. จากกรณี เพจ “อีซ้อขยี้เละ” ได้โพสต์ข้อความที่สมาชิกเพจเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้แฉพฤติกรรมของเรือหางยาวรับจ้าง หรือแท็กซี่โบ๊ต ที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยข้อความระบุว่า “เตือนภัย มัดมือชกนักท่องเที่ยว แถมอันตราย สวัสดีค่ะ ฝากเตือนภัยหน่อยค่ะ คืนวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางเราไปเที่ยวที่เกาะพะงัน (ตอนนี้ยังอยู่เกาะพะงัน) ตอนประมาณตี 2 กว่าๆ ได้ขึ้นเรือไปที่ผับ (ที่ทุกคนรู้จัก เพราะต้องนั่งเรือไป) ทางคนขับเรือไม่ได้บอกว่าราคาเท่าไหร่ และยังไม่เก็บเงิน แต่พอขึ้นเรือ นักท่องเที่ยวประมาณ 20 คน และคนขับเรืออีก 2 คน อัดเต็มเรือ คลื่นแรงมาก พอขับไปได้กลางทะเล คนขับเรือหยุดเรือ และบอกให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินตอนนั้น ถ้าไม่จ่าย ก็จะจอดเรืออยู่แบบนั้น ซึ่งจะไปก็ไม่ได้ จะกลับก็ไม่ได้ คนเมาเรือก็อ้วก คนขับไม่รับผิดชอบอะไร เพราะบอกว่า ถ้าไม่จ่ายจะไม่ออกเรือ นักท่องเที่ยวก็เมา คนขับเรือก็ไม่ชัดเจนตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือค่ะ ค่าเรือคนละ 400 บาทค่ะ ไม่รวมขากลับ ก่อนหน้านี้ 1 วัน เพิ่งมีคนจมน้ำเสียชีวิตจากเรือล่ม ไม่คิดว่าอีกวันยังมีอยู่” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเพจอีซ้อขยี้เละ ได้โพสต์ข้อความอีกว่า “คนขับเรือขอชี้แจงครับ สวัสดีครับพี่ ผมแท็กซี่โบ๊ตหาดริ้นนะครับ ผมขอมาชี้แจงอธิบายอะไรให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมครับ เหตุผลที่เขาจอดเก็บเงินกลางเล ไม่ใช่ว่าเขาใจร้ายนะครับ ส่วนตัวที่ผมเจอมา บอกราคา พอจะเก็บก่อน ฝรั่งบางคนเขาไม่ยอมจ่ายครับ บอกว่าถึงฝั่งค่อยจ่าย พอถึงฝั่งเรือจอดปุ๊บ วิ่งหายหมดทั้งลำ ผมน้ำตาตกเลยครับ เหนื่อยกายมาแล้ว ต้องมาเจอลูกค้าหัวหมอแบบนั้นอีก แล้วทีนี้พอเจอบ่อยๆ เขาเลยจอดเก็บกลางเลครับพี่ อีกอย่างเมื่อคืนเคานท์ดาวน์คลื่นมีครับ แต่ไม่แรง ผมอยู่กับทะเลมาทั้งชีวิตแล้วครับ ถ้าคลื่นแรงจริงๆ จอดไม่ได้ครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสได้ชี้แจงนะครับ”

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับถามว่าทำไมไม่เก็บเงินก่อนเรือออกล่ะ ทำราคาให้มันเป็นมาตรฐานเลยยิ่งดี หรือไม่จ่ายก็ไม่ต้องขึ้นเรือ ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

ด้านนายวิจักขณ์ ชูภาระกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะพะงัน ได้แจ้งว่า ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และในวันที่ 7 มกราคม 2567 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะพะงัน จะเรียกประชุมผู้ประกอบการเรือหางยาวโดยสาร หรือแท็กซี่โบ๊ต ที่มีอยู่บนเกาะพะงันประมาณ 50 ลำ มาประชุมร่วมกัน เพื่อหาแนวทางปฏิบัติในการให้บริการกับนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวของเกาะพะงัน