เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 09.40 น. ได้เกิดเหตุผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลบหนีขณะควบคุมตัวส่งสำนักอัยการจังหวัดสระแก้ว ทราบชื่อต่อมา นายสมบูรณ์ คำสัตย์ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 2/27 ซอยประชาร่วมใจ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจที่คุมตัวมาสำนักงานอัยการได้ออกติดตามตัวบริเวณโดยรอบ ร่วมกับ รปภ. ก็ไม่พบ จึงได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อเร่งล่าตัว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 68 เวลาประมาณ 22.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ได้จับกุม นายสมบูรณ์ คำสัตย์ ในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์คดีอาญาที่ 5/2568 ตาม ปจว.ข้อ 2 เวลา 22.45 น. ลงวันที่ 3 ม.ค. 68 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 68 เวลาประมาณ 09.10 น. ร.ต.ท.สมพร หันทะยุง ได้นำตัว นายสมบูรณ์ ผู้ต้องหา และผู้ต้องหาอีกราย พร้อมสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว โดยใช้โซ่และกุญแจมือควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองตามระเบียบ ขึ้นรถยนต์ควบคุมผู้ต้องหาไป
กระทั่งเวลาประมาณ 09.40 น. ถึงสำนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมสำนวนขึ้นไปที่ตึกอัยการจังหวัดสระแก้ว แล้วให้ผู้ต้องหานั่งรอที่บริเวณจุดบริการผู้มาติดต่อราชการ ส่วน ร.ต.ท.สมพร ได้นำสำนวนไปให้เจ้าหน้าที่ของอัยการตรวจสำนวน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจสำนวนความถูกต้อง นายสมบูรณ์ แจ้งกับ ร.ต.ท.สมพร ว่าปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ร.ต.ท.สมพร จึงได้ไขกุญแจที่ผูกติดกับโซ่ที่ติดกับผู้ต้องหาอีกรายออก แล้วได้ใส่กุญแจมือนายสมบูรณ์ แล้วพาเข้าไปห้องน้ำ ขณะ นายสมบูรณ์ เข้าห้องน้ำ ร.ต.ท.สมพร ได้กลับมาที่ห้องตรวจสำนวน เมื่อตรวจสำนวนเสร็จแล้ว จึงได้เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อให้นายสมบูรณ์ มาลงชื่อในสำนวน ปรากฏว่าไม่พบตัว จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ. ของสำนักงานอัยการแจ้งว่าเห็นนายสมบูรณ์ ได้เดินออกไปทางประตูด้านหลังของตึกอัยการ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบด่วน เพื่อดำเนินการต่อไป
ต่อมา พ.ต.อ.มนตรี ชูยิ่ง รรท.ผกก.สภ.อรัญประเทศ ลงพื้นที่ทันที พร้อมประสานไปยัง พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ให้ช่วยส่งกำลังตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว มาสนธิกำลังกับชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ในการเร่งติดตามตัว ซึ่งยังไม่พบตัว แต่ได้กระจายกำลังพร้อมทั้งแฝงตัวเข้าไปในพื้นที่วงกลมในระยะทาง 20-30 กม. เพื่อตรวจสอบตามที่พัก รีสอร์ท และออกสืบสวน หาข่าวตามหมู่บ้าน เพื่อติดตามตัวนายสมบูรณ์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.