สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า พล.ร.ท.นพ.วิเวก เมอร์ธี แพทย์ใหญ่ของสหรัฐ กล่าวว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของมะเร็งในชาวอเมริกันประมาณ 100,000 คน และคร่าชีวิตผู้คน 20,000 รายต่อปี ซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสถิติอยู่ที่ประมาณ 13,500 รายต่อปี

ฉลากคำเตือนในปัจจุบัน ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2531 ระบุเพียงว่า “สตรีไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อความผิดปกติโดยกำเนิด” และ “การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ความสามารถในการขับรถหรือใช้งานเครื่องจักรลดลง และอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ”

อย่างไรก็ตาม แอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งอย่างน้อย 7 ประเภท ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำคอ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกล่องเสียง ขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจากแอลกอฮอล์ คิดเป็น 16.4% ของผู้ป่วยทั้งหมด

อนึ่ง ผลการสำรวจของรัฐบาลสหรัฐ เมื่อปี 2562 พบว่า มีชาวอเมริกันเพียง 45% เท่านั้น ทราบว่าแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็ง เมื่อเทียบกับ 91% ที่ตระหนักรู้ถึงมะเร็งจากการรับรังสี 89% สำหรับการสูบบุหรี่ 81% สำหรับการสัมผัสแร่ใยหิน และ 53% สำหรับโรคอ้วน

นอกจากนั้น คำแนะนำใหม่นี้ ยังตั้งคำถามถึงการคำนวณปริมาณที่ควรบริโภค ที่แนะนำให้ผู้ชายดื่มไม่เกินวันละ 2 แก้ว และผู้หญิง 1 แก้ว อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ผู้เสียชีวิตถึง 17% ดื่มไม่ถึงขีดจำกัดดังกล่าว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES