กรณีตำรวจวิสามัญผู้ป่วยด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อาละวาดใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง ไล่ทำร้ายพยาบาล ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. จนทางญาติออกมาร้องความเป็นธรรม ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ในขณะที่โลกออนไลน์มองว่าไม่ควรมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ เพราะทำไปเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
-ญาติผู้ป่วยคลั่งถูกตำรวจวิสามัญดับ ข้องใจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ม.ค. แฟนเพจชื่อดัง ที่มักนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับทหารและตำรวจ ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.5 แสนคนอย่าง “thaiarmedforce.com” ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นระบุว่า “มาย้ำอีกครั้งว่า ตำรวจทำเหมาะสมและสมควรแก่เหตุแล้ว ในเหตุวิสามัญชายคลุ้มคลั่งในโรงพยาบาล” ยิ่งฟังลำดับเหตุการณ์ยิ่งชัดเจน
-ผู้ป่วยมาผ่าตัดไส้ติ่ง
-หลังผ่าตัดผู้ป่วยพูดจาสับสน
-ยืนขึ้นบนเตียง ดึงสายน้ำเกลือและคว้าเสาน้ำเกลือฟาด ขว้างเก้าอี้ใส่พยาบาล
-วิ่งไปทุบตู้ดับเพลิงเอาขวานออกมาไล่ฟันพยาบาลและคนไข้
-เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ สั่งให้ผู้ตายวางอาวุธถึง 3 ครั้งแต่ไม่ฟัง ยังแสดงอาการคลุ้มคลั่งอยู่และพยายามเข้าชาร์จเจ้าหน้าที่
-ตำรวจยิงไป 4 นัด ถูกขา มือ ท้อง และอกล้มลง
-ส่งผู้ตายเข้ารักษา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว แพทย์ช่วยไม่ทัน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและจบลงภายในเวลา 20 กว่านาทีเท่านั้น

ถ้าตำรวจไม่หยุดชายคนนี้เอาไว้ รับรองจะต้องมีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต และเท่าที่ดูก็เห็นว่าตำรวจได้พยายามสั่งให้วางอาวุธหลายครั้งแล้วก็ไม่มีการตอบสนองในพื้นที่คับแคบหรือในอาคาร ในหลายครั้งอาวุธอย่างมีดหรือขวานสามารถสร้างอันตรายได้มากกว่าปืนด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเข้ามาในระยะใกล้ยิ่งอันตราย
ตำรวจมีแต่ปืน เป็นอาวุธเดียวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหาให้ ณ ที่นั่น การใช้ปืนก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วเมื่อวัดจากสถานการณ์นี้ และตำรวจก็ไม่ได้ชักปืนมายิงเลย เพราะได้มีการสั่งการ ได้มีการใช้วาจาแล้ว แต่ผู้ตายก็ยังไม่หยุด เพราะผู้ตายอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง สั่งอะไรไม่ฟังแน่นอน “นี่เป็นเหตุที่ไม่ว่ามองยังไงก็ถือว่าเหมาะสมและสมควรแก่เหตุเป็นอย่างยิ่ง ฝากถึง ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ด้วยว่าไม่ต้องทบทวนอะไรแล้ว เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่ทำได้ดี และทำให้สุจริตชนผู้อื่นปลอดภัย สมควรได้รับการสรรเสริญด้วยซ้ำ”
น่าเสียดายที่กฎหมายไทยและระบบยุติธรรมของไทยไม่สนับสนุนและไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่แบบนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่อาจต้องถูกอัยการฟ้องถ้าอัยการไม่กล้าใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้อง หรืออาจถูกลงโทษจำคุกจากศาลถ้าศาลไม่เข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์และนึกเอาเองโดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับว่าปืนต้องร้ายแรงกว่ามีดหรือขวานในทุกกรณี “เราก็ขอพูดอีกครั้งเหมือนที่เคยพูดมาหลายครั้งก็คือ เราสมควรแก้กฎหมายเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ให้สามารถหยุดภัยอันตรายในลักษณะนี้ได้ทันท่วงที และไม่ต้องมาลำบากสู้คดีหรือแม้แต่ติดคุกตามมา ถ้ากฎหมายไทยและระบบยุติธรรมของไทยยังล้าหลังอยู่แบบนี้ แล้วใครมันจะอยากทำหน้าที่ปกป้องประชาชน”..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @thaiarmedforce.com