เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่อยู่ติดกับชายป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน ประกอบด้วย บ้านทุ่งตะเคียน หมู่ที่ 10 บ้านซับเจริญ หมู่ที่ 11 และบ้านหนองโบสถ์บ่อลิง หมู่ที่ 16 ต้องฝ่าความหนาวเย็นในช่วงกลางคืนที่อุณหภูมิลดต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียส เพื่อจัดกำลังเวรยามออกประจำจุดเสี่ยงบริเวณแนวรอยต่อระหว่างเขตป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน และพื้นที่ทำกินของชาวบ้านและแหล่งชุมชน ภายหลังจากที่มีโขลงช้างป่าจำนวนมาก ออกจากป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อเข้าไปทำลายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านมานานติดต่อกันหลายวันแล้ว โดยมีช้างป่าส่วนหนึ่งได้เดินผ่านหมู่บ้านและรื้อทำลายข้าวของของชาวบ้านได้รับความเสียหายด้วยบางส่วน ทำให้ทางผู้นำชุมชนต้องออกประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านให้งดการออกจากบ้านในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงหากจำเป็นต้องใช้เส้นทางสัญจรไปมาบริเวณหมู่บ้านยามค่ำคืน ควรเปิดไฟสูงเพื่อจะได้เห็นช้างป่าและจะได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที



โดย นายชัยยัน คุณวงค์ อายุ 53 ปี ซึ่งกรีดยางอยู่ที่สวนยางพารา กลางหมู่บ้านซับเจริญ หมู่ที่ 10 เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีผู้นำชุมชนและชาวบ้านช่วยกันตรึงกำลังเฝ้าระวังช้างป่าอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังมีช้างส่วนหนึ่งหลุดรอดออกมาสร้างความเสียหาย ที่บริเวณกระท่อมกลางสวนยาง ที่ตัวเองจะต้องเข้ามากรีดยางเป็นประจำ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงปิดหน้ายางจึงไม่มีใครอยู่ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับพฤติกรรมของช้างป่า 2 ตัว ที่เข้ามารื้อสิ่งของภายในกระท่อมอย่างใจเย็น แม้ว่าจะอยู่ติดถนนกลางหมู่บ้าน แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหายมากนัก


ทั้งนี้ มีรายงานจากทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานว่า โขลงช้างป่าโขลงนี้เป็นช้างป่าโขลงใหญ่มีประมาณ 100 ตัว และเป็นช้างป่าโขลงเดียวกันกับที่ไปสร้างความเสียหายทำลายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี และต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว มาในช่วงตลอดสองเดือนก่อน ที่ขยับพื้นที่มาหากินบริเวณตำบลโคกกระชายและลำเพียกที่อยู่ถัดมา เนื่องจากในพื้นที่หากินเดิม ทางเกษตรกรได้พากันตรึงกำลังแน่นหนา และเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจากพื้นที่จนหมดแล้ว.