สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่านางเคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ลงนามในกฎหมายการจราจร เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ว่าผู้ขับขี่ยานยนต์ซึ่งประสงค์ผ่านเข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของเซ็นทรัลพาร์ก ในย่านแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ต้องจ่ายค่าผ่านทางเวลากลางวัน 9 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 310.50 บาท) นับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. ถือเป็นเมืองแห่งแรกของสหรัฐ ที่มีมาตรการเก็บค่าผ่านทางแบบนี้


เดิมทีทางการรัฐนิวยอร์กวางแผนการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวสูงถึง 15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 517.50 บาท) แต่ปรับเปลี่ยนหลังเผชิญกับเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย และการคัดค้านอย่างหนักของประชาชน

CBS New York


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวยอร์ก และบรรดาผู้ประกอบการจากหลายภาคส่วน รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการผู้ขับรถแท็กซี่ ยังคงแสดงความไม่พอใจ และหวั่นเกรงว่า จะกระทบกับเศรษฐกิจในพื้นที่ แม้มีการให้ส่วนลดกับผู้ขับขี่ที่ผ่านเส้นทางนั้น มากกว่า 10 ครั้งต่อเดือน


อนึ่ง คนขับรถแท็กซี่ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมทันทีเมื่อผ่านเส้นทางดังกล่าว แต่จะเป็นการไปเก็บเพิ่มกับค่าโดยสาร สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการ ว่าจะเป็นการผลักดันให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นแทน

ขณะที่โฮชุลกล่าวว่า มาตรการเก็บค่าผ่านทางมีความจำเป็น เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน และเพื่อบรรเทามลพิษ พร้อมทั้งยืนยันว่า ภาครัฐนำรายได้ส่วนนี้ไปซ่อมบำรุง และพัฒนาระบบรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์กเท่านั้น.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES