เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นำคณะสภานักเรียนเข้ารับฟังโอวาทจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนำเสนอข้อคิดเห็นจากการอบรมสัมมนาสภานักเรียน ระดับประเทศ ประจำปี 2568 โดยมีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนนักเรียนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร เข้าร่วม
โดย น.ส.ชาดีดา ไทยเศรษฐ์ คณะกรรมการสภานักเรียนระดับประเทศ ปี 2568 ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.มหาดไทย น.ส.อมราพร พัดศรี คณะกรรมการสภานักเรียนฯ และนายกิตติภูมิ แหวนเงิน คณะกรรมการสภานักเรียนฯ เป็นตัวแทนกล่าวข้อเสนอถึงรัฐบาล 3 ประเด็น ได้แก่ 1.การส่งเสริมค่านิยมหลัก “รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ในกลุ่มเยาวชนไทย ซึ่งคณะกรรมการสภานักเรียนจะนำแนวทาง “สืบสานความดี ต่อยอดสิ่งดีๆ เพื่อแผ่นดินไทย” โดยร่วมกับเพื่อนสภานักเรียนทั่วประเทศศึกษาพระราชกรณียกิจ หลักการทรงงาน หรือพระปรีชาสามารถ ของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ต่าง ๆ อาทิ การแพทย์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ วรรณกรรม กีฬา การละเล่นหรือการแสดง นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมสภานักเรียนในโรงเรียน จัดทำโครงการ “TSC น้อมนำพระราชกรณียกิจสู่การต่อยอดพัฒนาสภานักเรียน” มาปรับใช้ในกิจกรรมสภานักเรียนและชีวิตประจำวัน แล้วแบ่งปันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ
2.ความรักโรงเรียน รักเพื่อน และน้อง สร้างโรงเรียนแห่งความสุข และร่วมป้องกันให้ทุกคนห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าและรู้เท่าทันภัยออนไลน์ โดยขอรับการสนับสนุนการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ผลิต และผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนโครงการภายใต้ “กิจกรรม TSC โรงเรียนดีที่หนูรัก” และ 3. ZERO DROPOUT ติดตามและค้นหาเด็กที่ตกหล่น ไม่ได้เข้าเรียน หรือออกกลางคัน ให้กลับเข้ามาเรียนในระบบ โดยสภานักเรียนทั่วประเทศจะร่วมขับเคลื่อน “กิจกรรมสภานักเรียนชวนเพื่อนกลับมาเรียน (TSC ZERO DROPOUT) ตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน”
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า พี่ได้ฟังน้องๆ พูดไปทำให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ได้มาเน้นย้ำถึงหน้าที่ ถึงแนวทางการปฏิบัติ สิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่เราอยากจะรณรงค์ให้เด็กรุ่นเดียวกับเราเข้าใจตรงกัน อย่างตนตอนเป็นเด็กอาจไม่คิดอะไรมากมาย ยกตัวอย่าง ถ้ามีเด็ก 3 คนคิดร่วมกันว่าจะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น สิ่งดีๆ นั้นจะเกิดขึ้น ถ้าเด็ก 3 คนคิดจะทำให้สิ่งนั้นแย่ๆ เรื่องแย่ๆ ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน จริงๆ แล้วคนทุกคนมีพลังและมีอำนาจในการตัดสินใจของตัวเองและเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกมากมาย เด็กที่ยังอายุน้อยอยู่เราสะสมประสบการณ์ สะสมข้อมูล สะสมการเรียนรู้
ช่วงหนึ่งนายกฯ ถามเด็กๆ ว่า ใครจำคำขวัญของนายกฯ ปี 2568 ได้บ้างขอให้ยกมือขึ้น จังหวะนี้มีเด็กนักเรียนชายยกมือขึ้น พร้อมกล่าวคำขวัญของนายกฯ ได้ถูกต้อง นายกฯ จึงกล่าวว่า นี่แหละเด็กรุ่นใหม่ พูดปุ๊บออกมาได้เลย ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ ที่ตนคิดคำขวัญนี้ขึ้นมาเพราะสิ่งนี้ฟังดูดี แต่มันคือเรื่องจริง เราไม่ใช่แค่เรียนรู้จากคนที่อายุเยอะหรือมีประสบการณ์เท่านั้น แต่น้องๆ ที่เด็กกว่าเรา เขามีความสนใจ มีความคิดอย่างไร เด็กแต่ละวัยคิดไม่เหมือนกัน บางทีเรายังอยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจเรา ผู้ใหญ่ก็ต้องเรียนรู้จากเด็กเช่นกัน ซึ่งคำขวัญที่ตนพูดออกมา อยากให้ทุกคนมีโอกาสเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน คุณครูเรียนรู้จากนักเรียนได้ นักเรียนก็เรียนรู้จากคุณครู นี่คือสิ่งที่อยากให้เปิดกว้างเพื่อสะสมข้อมูลและประสบการณ์ที่มากพอ และวันหนึ่งเราสามารถตัดสินใจเลือกอนาคตของเราเองได้ อนาคตที่ถูกที่ดี
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่เลือกอนาคตที่ดี เส้นทางที่ดี เพื่อประโยชน์ของตนเอง ประชาชน และประเทศชาติ ต้องขอบคุณน้องๆ ที่มาร่วมกันแนะนำความคิดต่างๆ ที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุน ใกล้วันเด็กแล้วขอให้เด็กทุกคนได้เห็นน้องๆ กลุ่มนี้ผ่านทางสื่อทุกสื่อ ว่าเราสามารถเลือกเส้นทางของเราได้ เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ เราตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากมายต่อประเทศชาติในอนาคต
จากนั้นนายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหาร รวมถึงได้เดินมาทักทายถ่ายภาพกับตัวแทนนักเรียนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง.