เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งมาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ คนที่หนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน โฆษกคณะกรรมาธิการและนายดิเรก จอมทอง เลขานุการคณะคณะกรรมาธิการ แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการ ตามที่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 (ชุดปัจจุบัน) ได้เห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ซึ่งคณะ กมธ. ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืนไว้ 2 แนวทาง คือ 1. การพิจารณาผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตแนบท้ายรายงานของคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่าสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 2. การพิจารณาศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงระเบียบหลักเกณฑ์ ข้อบังคับทางกฎหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงจากภัยช้างป่า

นายชุติพงศ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการมีการประชุม โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รวมทั้งลงพื้นที่ติดตามและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาข้างป่าจำนวน 12 จังหวัด อาทิ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ตราด ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ปัจจุบันมีช้างป่าได้ออกจากป่าอนุรักษ์เข้าไปในพื้นที่อยู่อาศัย โรงเรียน วัด พื้นที่ทำการเกษตรมากขึ้น หลายพื้นที่พบว่ามีช้างป่าอาศัยอยู่ประจำในพื้นที่ และไม่ยอมกลับเข้าป่าอนุรักษ์ สอดคล้องกับสถิติความเสียหายโดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากช้างป่าที่จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

นายชุติพงศ์ กล่าวว่า กมธ. ได้ให้ความสำคัญต่อจำนวนประชากรข้างป่าและแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการควบคุมประชากรช้างป่าโดยได้ติดตามความคืบหน้าในการทดลองวัคชีน SpayVac เพื่อควบคุมประชากรช้างป่า โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศูนย์สุขภาพข้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ข้อสรุปว่า การทดลองฉีดวัคชีนในช้างป่า มีการเก็บเลือดเพื่อตรวจแอนติบอดี้ก่อนและหลังฉีดวัดซีน และวางแผนการเก็บเลือดเพื่อตรวจแอนติบอดี้ไปอีก 7 ปี ซึ่งผลการทดลองหลังจากฉีดวัคชีนพบว่า ช้างที่ได้รับการฉีดวัคชีนไม่มีการอักเสบใดๆ มีความปลอดภัยต่อสุขภาพช้าง และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพฤติกรรมของช้าง เมื่อฉีดวัคซีนในช้างที่ท้อง ไม่มีผลกระทบใดๆ กับช้างท้อง

“คณะ กมธ. จึงขอเสนอให้ใช้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่า เพื่อเป็นทางเลือกในการควบคุมประชากรช้างป่า และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับช้าง และขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กำหนดกรอบเวลาการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าโดยเร็วต่อไป” นายชุติพงศ์ กล่าว.