เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 68 มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ได้โพสต์ข้อความสุดตื้นตัน หลังพลทหารวัย 23 ปี เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย จึงทำให้ญาติตัดสินใจบริจาคอวัยวะ เพื่อส่งมอบโอกาสการรอดชีวิตกับผู้อื่น งานนี้ทำเอาชาวเน็ตแห่อนุโมทนาบุญ

โดยเพจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุข้อความว่า รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ สร้างสะพานบุญ ผู้ป่วยภาวะสมองตาย รายที่ 40 เพื่อส่งต่อ “ชีวิตใหม่” ให้ผู้อื่นผ่านการบริจาคอวัยวะ โดยในปี พ.ศ. 2566 พลทหาร นัฐวุฒิ ชัยมงคล อายุ 23 ปี ประสบอุบัติเหตุทางจราจร ได้รับบาดเจ็บที่ส่งผลให้ต้องใช้ท่อหลอดลมคอเพื่อช่วยหายใจ และในเวลาต่อมาสามารถรักษาตัวต่อที่บ้านได้

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 68 ผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อย จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยส่งต่อการรักษาจาก โรงพยาบาลพะเยามายังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ด้วยภาวะทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นและหลอดลมตีบตัน ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถ แต่อย่างไรก็ตาม อาการของโรคทรุดลงตามลำดับ จนในที่สุดทีมแพทย์วินิจฉัยว่า ผู้ป่วยอยู่ใน “ภาวะสมองตาย” โดยประกาศการเสียชีวิต

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 68 เวลา 12.20 น. ทางครอบครัวมีความเห็นร่วมกันว่า มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะทุกส่วนของผู้เสียชีวิต ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์และส่งมอบโอกาสการรอดชีวิตกับผู้ที่รอคอย โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และสภากาชาดไทย จึงได้ประสานงานร่วมกัน เพื่อส่งต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วยที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะ ให้กลับมามีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น ซึ่งการบริจาคอวัยวะในครั้งนี้ สามารถช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ โดยส่งต่ออวัยวะคือ ตับ ไต และดวงตา บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ขอให้ดวงวิญญาณของ “พลทหาร นัฐวุฒิ ชัยมงคล” ไปสู่สุคติและสัมปรายภพที่ดี

นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ในสังคม เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะว่า นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในมิติใหม่แล้ว ยังช่วยให้กระบวนการทางการแพทย์ในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และลดเวลารอคอยสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม การบริจาคอวัยวะผู้ป่วยภาวะสมองตายนั้น เปรียบเสมือน “พินัยกรรมอวัยวะ” ถึงแม้ว่าผู้เสียชีวิตจะสมัครใจในการบริจาคอวัยวะ หากญาติไม่ยอมผู้เสียชีวิตย่อมไม่สามารถบริจาคได้ ดังนั้น ครอบครัวและญาติ จึงเป็นแรงกำลังสำคัญที่จะร่วมกันสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้

แสดงความจำนงเพื่อบริจาคอวัยวะได้ที่
1.ศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ชั้น 8 อาคารสุจิณฺโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
2.แอปพลิเคชัน “บริจาคอวัยวะ” ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาด
3.ธนาคารดวงตา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชั้น 12 อาคารสุจิณฺโณ
4.กรอกออนไลน์ได้ที่ ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 089-9996000, 091-8513391 และสามารถสอบถามข้อมูลอุทิศร่างกายได้ที่ https://w3.med.cmu.ac.th/ebodydonation/walk-in

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างบอกว่า “อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ, ที่สุดแห่งบุญ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ, อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ” อีกด้วย..

ขอบคุณข้อมูล : คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่