ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. เปิดเผยว่าได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ จ.เชียงราย เพื่อแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานกรณีคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ทาง สปสช. ได้รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบในการประกอบกิจการคลินิก และจากการตรวจสอบก็ได้พบเอกสารหลักฐานโดยมี 3 กรณี

กรณีที่ 1 คลินิกที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันได้แจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่ สปสช. เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ารับบริการที่คลินิก แต่ยืนยันตัวตนการเข้ารับบริการในระบบไม่ได้ เนื่องจากในเวลาเดียวกันมีคลินิกอีกแห่งหนึ่ง คือคลินิกที่ สปสช. ได้เข้าแจ้งความ ได้ทำการยืนยันตัวตนรับบริการไปแล้ว ทั้งที่ผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับบริการแต่อย่างใด

กรณีที่ 2 สปสช. ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านกลุ่มไลน์ กรณีการให้บริการของคลินิกดังกล่าวที่มีจำนวนมากผิดปกติ และไม่น่าเชื่อถือโดยมีทั้งการส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เจ้าของคลินิกปฏิบัติงานประจำอยู่ให้กับคลินิกตนเองเพื่อให้บริการจำนวนมาก ทั้งยังมีการให้บริการที่บ้านทุกวัน บางวันมีจำนวนมากกว่า 10 ราย โดยแต่ละครั้งบริการที่บ้านจะไม่เกิน 10 นาที ใช้วิธีถ่ายรูปกับผู้ป่วย บันทึกข้อมูลในไอแพดที่มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ ไม่มีลายเซ็นชื่อผู้รับบริการ ซึ่งเจ้าของคลินิกชี้แจงว่าไม่ได้จัดทำเอกสารแบบสมบูรณ์ จะจัดทำเฉพาะรายที่ สปสช. เรียกตรวจสอบของแต่ละปีงบประมาณนั้น ๆ เท่านั้น

กรณีที่ 3 เป็นข้อมูลจากการร้องเรียนผ่านเพจ Facebook ข่าวสารเวียงป่าเป้า ที่ข้อความระบุว่า มีคลินิกทำการรวบรวมเก็บบัตรประชาชนผู้รับบริการแลกเป็นนม แชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อนำมาเบิกชดเชย ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางสภาวิชาชีพ สปสช. กฎหมาย หรือระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้กำหนดไว้

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียน สปสช. ได้เร่งทำการตรวจสอบและพบว่า ไม่พบหลักฐานการให้บริการตามที่มีการเรียกเก็บจาก สปสช. โดยมีกรณีที่ไม่ส่งเอกสารหลักฐานตามที่มีการเรียกเก็บจำนวน 54 ครั้ง ตรวจพบการส่งบันทึกให้บริการซ้ำซ้อน เนื่องด้วยผู้ป่วยกำลังเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอื่น แต่กลับยืนยันตัวตนผู้ป่วยไม่ได้ เนื่องจากคลินิกแห่งนี้ได้ยืนยันตัวตนผู้ป่วยรายเดียวกันนี้ในวันและเวลาเดียวไปแล้ว ทั้งนี้ยังพบหลักฐานการให้บริการที่บ้านที่บันทึกวันเวลาการให้บริการที่อยู่นอกช่วงเวลาตามที่ขออนุญาต คือเปิดให้บริการวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 16.30-20.30 น. และเสาร์–อาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 น. และยังพบการบันทึกวันเวลาที่ให้บริการตรงกับวันเวลาที่อยู่ระหว่างปฏิบัติงานประจำที่โรงพยาบาลด้วยอีกจำนวนมาก จากการที่ได้เทียบวันเวลาที่ให้บริการตามเอกสารหลักฐานและตารางขึ้นปฏิบัติงานที่โรงพยาบาล

“คลินิกแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ กับ สปสช. ตั้งแต่ 23 ต.ค. 2566 ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวนี้ รวมเป็นมูลค่าการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทองฯ ทั้งสิ้นจำนวน 1,843,460 บาท ทำให้ สปสช. ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินการกับผู้ประกอบการคลินิก ซึ่งหลังจากนี้ สปสช. จะทำการขยายการตรวจสอบคลินิกต่าง ๆ ในระบบที่พบข้อมูลการเบิกจ่ายมีความผิดปกติต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช.