เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลำดับเหตุการณ์ไฟป่าบริเวณเขาลอย ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน ท้องที่ ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า เหตุไฟไหม้ป่าเริ่มต้นวันที่ 3 ม.ค.2568 (ครั้งที่ 1) มีรายงานเกิดเหตุไฟป่าในพื้นที่ด้านหลังวัดอุดมสุข หมู่ 7 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา (กรมป่าไม้) ได้ส่งกำลังเข้าไปควบคุมจนสามารถดับได้แล้วเสร็จในช่วงมืดของวันดังกล่าว มีพื้นที่เสียหายประมาณ 200 ไร่
ต่อมา วันที่ 5 ม.ค.2568 (ครั้งที่ 2) ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟป่าอีกครั้งบริเวณบ้านหัวโกรก หมู่ 7 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่จากศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา (กรมป่าไม้) จึงเข้าตรวจสอบ พบไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แค่เพียงบางส่วน เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่มีความลาดชัน มีหินลอยเสี่ยงตกเขา และลมที่รุนแรง ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องถอนกองกำลังลงในเวลาพลบค่ำ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไฟตลอดทั้งคืน เพื่อป้องกันไฟลุกลามเข้าพื้นที่บ้านเรือนของราษฎร
วันที่ 7 ม.ค.2568 (ครั้งที่ 3) ไฟได้ไหม้ลุกลาม ไปจนถึงบริเวณหน้าผาหิน สูงชัน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ จึงได้ทำแนวสกัดกั้น เพื่อตัดเชื้อเพลิงให้น้อยที่สุด ส่วนพื้นที่ด้านล่างติดกับพื้นที่ราษฎร ได้รับกำลังสนับสนุนบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ เฝ้าระวังไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ชุมชน โดยกรมอุทยานฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสนธิกำลัง จาก สถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพิ่มเติม โดยมีพื้นที่เสียหายไปแล้วกว่า 1,000 ไร่
จากนั้นวันที่ 10 ม.ค.2568 (ครั้งที่ 4) ไฟยังคงประทุขึ้นในพื้นที่บริเวณยอดเขาและหน้าผาหินชัน อีกครั้ง เนื่องจากยังมีเชื้อเพลิงสะสมในพื้นที่จำนวนมาก และไฟยังไม่ดับสนิท ประกอบมีลมแรงตลอดทั้งวัน ทำให้ยากต่อการควบคุมไฟป่า จึงได้มีการตั้งกองอำนวยร่วมฯ เฉพาะกิจ ในพื้นที่เกิดเหตุ โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าประชุมร่วมกับ นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ จ.นครราชสีมา และผู้แทน รวมทั้งส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา ในการติดตามสถานการณ์ และหารือแนวทางคลี่คลายสถานการณ์ โดยสั่งการให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันฯ หากเกินกำลังของทางส่วนราชการแล้ว จะจัดกำลังมาสมทบเพิ่มเติม เพื่อดับไฟป่าให้สนิทและเร็วที่สุด
โดยในวันนี้ อากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) จาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้เข้ามาโปรยน้ำลงในพื้นที่หน้าผา และยอดเขา ที่เดินเท้าเข้าไปไม่ถึง ลดปริมาณความร้อนและชะลอการลุกลามของไฟลงได้ระดับหนึ่ง ตั้งแต่เวลา 15.30-18.30 น. พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังจุดเกิดเหตุตลอดทั้งคืน ซึ่งกินพื้นที่เสียหายไปกว่า 1,500 ไร่เศษ
โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย กรมอุทยานฯ ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครราชสีมา สถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมป่าไม้ ได้แก่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี และกระทรวงมหาดไทย อบต.พญาเย็น
ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค.2568 อากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) เข้าพื้นที่โปรยน้ำลดความร้อน ประกอบกับเจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าพื้นที่ดับไฟเพื่อจำกัดบริเวณพื้นที่เผาไหม้ ให้น้อยที่สุด แต่เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างสูงชัน สลับกับหน้าผาหิน ค่อนข้างลื่น และมีลมแรงตลอดทั้งวัน เสี่ยงอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ ทำให้การเข้าพื้นที่ดับไฟค่อนข้างลำบาก โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในเวลานี้ ประกอบด้วย กรมอุทยานฯ ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครราชสีมา ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าขอนแก่นศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าแพร่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมป่าไม้ ได้แก่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี กระทรวงมหาดไทย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา อบต.พญาเย็น กองทัพบก ได้แก่ กองกำลังมณฑลทหารบกที่ 21 และได้รับสนับสนุนอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) จำนวน 4 ลำ จาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จำนวน 2 ลำ ปภ.จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 ลำ และ กองทัพบก มทบ.21 จำนวน 1 ลำ
ทั้งนี้ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครราชสีมา รายงานว่า สถานการณ์ปัจจุบันในวันนี้ (11 ม.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. ไฟป่าในพื้นที่ได้ดับหมดทุกจุดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อดับไฟให้สนิท ใน (แนวดำ) ทุกจุด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่า พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 0.22 มม. จำนวนหนึ่ง และพบกับดักสัตว์ป่า อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ จึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นการเผาเพื่อต้อนสัตว์ป่าสำหรับล่า.