รัฐบาล ให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดการอาชญากรรมตามแนวตะเข็บชายแดน เมื่อวันที่ 12 ม.ค. “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ขึ้นเรือตรวจการณ์สำรวจภูมิประเทศและตรวจเยี่ยมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กิโลเมตร และสถานีเรือเชียงของ ซึ่งรับผิดชอบตั้งแต่บ้านหาดบ้าย ถึงแก่งผาได บ้านห้วยลึก รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร และพูดเรื่องนี้ว่า “วันที่ 30 ม.ค.นี้ ผมจะประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 14 จังหวัดติดชายแดน ช่วยกันซีลชายแดน” แม้จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของทหาร แต่มีเส้นทางธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ไม่ครอบคลุม ยาเสพติดก็หลั่งไหลเข้ามา ถือเป็นปัญหาวิกฤติ

การซีลชายแดน ไม่ใช่เฉพาะการแก้ไขปัญหายาเสพติดเท่านั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ ด้วย เช่น แรงงานต่างด้าว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์รูปแบบอื่นๆ ด้วย บิ๊กอ้วนได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้ลงพื้นที่เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ กำหนดเป้าหมายและ มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนให้ประชาชนได้เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน
“ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง 14 จังหวัดติดชายแดน ต้องรู้ว่าปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต้องจัดการอย่างไร ซึ่งจะต้องมีตัวชี้วัดผลงาน (KPI) มีผลต่อตำแหน่งและการโยกย้าย ซึ่งกำลังคิดในรายละเอียด แต่จะให้ระดับผู้บังคับบัญชาหามาตรการชี้วัด KPI เพราะเขาจะรู้ดีสุด เรื่องการลักพาตัวข้ามชายแดนไปทำงานคอลเซ็นเตอร์นั้น หากซีลชายแดนได้ชัดเจน การเคลื่อนย้ายคนก็ยาก แต่ต้องไปคิดรายละเอียด”

“นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องปราบยาเสพติด ในการเดินทางไปหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม ของพรรคเพื่อไทย คือ นายอนุชิต หงษาดี และได้ย้ำบนเวทีว่า ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป พรรคเพื่อไทยมา นายอนุชิต บอกว่าจะเอาคนติดยามาบำบัดเรียนรู้อาชีพ ให้กลับเข้าไปอยู่ในสังคม เพราะคนที่มีปัญหายาเสพติด ไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่อาจมีปัญหา เราพร้อมรับเขากลับมาหลังผ่านการบำบัดแล้ว
“เพื่อไทยเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเราไม่ได้มองว่าคนที่ติดยาเสพติดเป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนที่พลาด เราต้องช่วยให้เขากลับมาอยู่ในสังคมเหมือนเดิม นายอนุชิตตั้งใจทำเรื่องนี้ไปสุดทางแน่นอน ดิฉันจะทำหน้าที่หัวหน้าพรรคจะคอยตรวจการบ้านรายงานพี่น้อง วันนี้มาถึงแต่พูดอะไรได้ไม่มาก โดนมองจับผิดว่าจะผิดกฎข้อนั้นข้อนี้ ตอนนี้นักร้องเสียงดีเยอะเหลือเกิน ยาเสพติดมันเยอะมาตั้งแต่หลังสมัยพ่อใหญ่ (อดีตนายกฯ แม้ว ทักษิณ ชินวัตร) เราจะกำจัดให้หมดภายในปีสองปี ปีนี้ต้องเอาให้หมดให้ได้”

อดีตนายกฯ แม้ว ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง อบจ. มีผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ทักษิณปราศรัยเชียงใหม่ เชียงราย …แล้วเราควรตัดสินใจอย่างไร” สำรวจระหว่างวันที่ 7-10 ม.ค. จากประชาชน 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งใน จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย 1,803 หน่วยตัวอย่าง จากการสำรวจเมื่อถามถึงการตัดสินใจของประชาชนที่มีต่อการปราศรัยหาเสียงของอดีตนายกฯ แม้ว เพื่อสนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย พบว่า 37.11% ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว 23.24% ระบุว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย 17.06% ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว 13.59% ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจใด ๆ และ 9.00% ระบุว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจ ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. ในครั้งนี้ อาจส่งผลต่อการเลือกตั้ง สส. จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งถัดไปหรือไม่ พบว่า 30.37% ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย 28.87% ระบุว่า ส่งผลมาก 24.74% ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล 14.43% ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล
สำหรับการตัดสินใจของชาวเชียงราย หลังอดีตนายกฯ แม้ว ปราศรัย 33.01% ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว 26.09% ระบุว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย 17.12% ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว 14.54% ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจใด ๆ และ 9.24% ระบุว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจ ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
การเลือกตั้งนายก อบจ. ส่งผลต่อการเลือกตั้ง สส.จังหวัดเชียงราย ในครั้งถัดไป พบว่า 36.96% ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย 25.95% ระบุว่า ส่งผลมาก 20.24% ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล 16.44% ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล และ 0.41% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“อดีต สส.คึก” เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการหาเสียงของอดีตนายกฯ แม้วว่า “นายทักษิณไม่ได้มีเป้าหมายหลักในการหาเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ. แต่ต้องการใช้เวทีนี้ขยายผลไปยังการเมืองระดับชาติ โดยนายทักษิณจะขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่ การปราศรัยของนายทักษิณ ที่ จ.อุดรธานี อุบลราชธานี และเชียงราย หาเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ.เพียง 5 นาที หลังจากนั้นจะปราศรัยในประเด็นการเมืองอื่นๆ พาดพิงไปทุกภาคส่วนจนเป็นประเด็นร้อน”

“สิ่งที่นายทักษิณปราศรัยหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยผู้หาเสียง ซึ่ง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ยังไม่ฟันธงว่านายทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ จึงอยากให้ กกต.เร่งสรุปว่าการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เป็นประเด็นข้อกฎหมายต่อไป เพราะ การหาเสียงของนายทักษิณทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัครด้วยกัน ขอให้ กกต.มีความกล้า”
เรียกว่า ศึก อบจ.เที่ยวนี้คึกคักกว่าทุกครั้ง ราวกับเป็นการวัดพลังบ้านใหญ่ นายใหญ่ กลุ่มหน้าใหม่.
“ทีมข่าวการเมือง”