เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่สถานีเรือเชียงของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) จังหวัดเชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย ตามลำน้ำโขงที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่า จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ ขอชื่นชมสมรรถภาพของหน่วย ยุทโธปกรณ์ มีความพร้อมในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย จากนี้เราจะเพิ่มขั้นตอนปฏิบัติ ด้วยการซีลพื้นที่ เชื่อว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ ทั้งระดับผู้กำกับ นายอำเภอ หากทำไม่ได้หรือแย่ลงต้องดูว่าจะทำอย่างไร ต้องดูมาตรการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กองทัพ ผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ต้องลงมาดูแลต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนจะลงไปดูชายแดนอีกหลายพื้นที่ เพราะมีปัญหาค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด เป็นภัยคุกคามต้องตื่นตัวหามาตรการแก้ปัญหา ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง 14 จังหวัดติดชายแดน ต้องรู้ว่าปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต้องจัดการอย่างไร แต่จะประกาศให้ชัดก่อนเริ่มทำงานมีตัวชี้วัดผลการทำงาน (KPI) เป็นตัวชี้วัดซึ่งทุกคนในส่วนของทหารต้องรับการประเมิน KPI ต้องชัดเจนว่าภารกิจของใครทำอะไรยอมรับว่า KPI มีผลต่อตำแหน่งและการโยกย้ายซึ่งกำลังคิดในรายละเอียด แต่จะให้ระดับผู้บังคับบัญชาหามาตรการชี้วัด KPI เพราะเขาจะรู้ดีสุด
เมื่อถามว่า เราซีลชายแดนเป็นการแก้ปัญหาปลายทาง แล้วปัญหาต้นทางมีการหลอกคนจีนใช้ไทยเป็นทางผ่านไปส่งชายแดนดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการแก้ไขปัญหาปลายทาง แต่เป็นด่านที่สำคัญ หากซีลชายแดนได้ชัดเจน การเคลื่อนย้ายคนก็ไม่ง่าย ต้องไปคิดรายละเอียด ส่วนต้นทาง ก็ต้องไปพูดคุยอีก กับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) อย่างกรณีดาราจีนซิงซิง เราไล่เช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้มีอาการบังคับขู่เข็ญ จนกระทั่งเขาขึ้นรถ ก่อนข้ามเส้นทางธรรมชาติ ถือเป็นปัญหาพิเศษ ต้องมาวางรายละเอียดแต่เรื่องนี้หากสามารถทำได้สำเร็จ ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากสิ่งที่มันเกิด สิ่งเหล่านี้ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่ต้องมีความปลอดภัยด้วย
เมื่อถามย้ำว่า ปัจจุบันก็กระทบอยู่แล้ว เพราะมีการยกเลิกคอนเสิร์ต อีกทั้งใกล้เทศกาลตรุษจีน คาดการณ์ว่าคนจะได้ไม่เดินทางมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังแก้ไขกันอยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐาน ปัญหาและการเข้าใจที่แท้จริง และวันที่ 13 ม.ค. รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการวางมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และด้านไซเบอร์ เช่น นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อไปตรวจสอบการปล่อยข่าวในเชิงลบต่อประเทศไทยในโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารไปยังประเทศจีน ในการทำความเข้าใจคงต้องแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไปก่อน