เมื่อวันที่ 13 ม.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เปิดเผยนั้น พบว่ามีหลายรายการที่ควรตรวจสอบ ตนจึงได้ยื่นหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 ว่า การแจ้งบัญชีรายการเงินให้กู้ยืมของคู่สมรส ที่ให้บริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด กู้ยืมจำนวน 8 รายการ โดยเกิดขึ้นระหว่างปี 2564-2565 รวมเป็นเงิน 12,770,000 บาท และมีการแจ้งรายได้ดอกเบี้ย 383,100 บาท ถูกต้องสัมพันธ์กันกับข้อมูลของบริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด หรือไม่ เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 หรือไม่
นายเรืองไกร ระบุว่า จากการขอคัดสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ณ วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 30 เม.ย.67 พบว่า บริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท มีผู้ถือหุ้นคนไทยรวม 14 คน จากหมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2566 ของบริษัท ข้อ 9 เงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน ระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 บริษัทมีเงินกู้ยืมจากกรรมการ 12.77 ล้านบาท (2565 : 12.77 ล้านบาท) คิดดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี และมีกำหนดชำระคืนเมื่อมีการทวงถาม การที่ น.ส.แพทองธาร แจ้ง ป.ป.ช. ว่า คู่สมรส มีรายได้อดอกเบี้ยจำนวน 383,100 บาท จึงสอดคล้องกับรายการดอกเบี้ยร้อยละ 3 ของยอดเงินกู้ 12,770,000 บาท
นายเรืองไกร ระบุว่า แต่มีข้อสังเกตที่ต่างกันคือ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ไม่มีชื่อเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด ทั้งที่หมายเหตุข้อ 9 ระบุว่า ยอดเงินกู้ 12,770,000 บาทของบริษัทฯ เป็นเงินกู้ยืมจากกรรมการ จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรายการเงินให้กู้ยืมของคู่สมรส จำนวน 12,770,000 บาท ถูกต้องหรือไม่ คู่สมรสเป็นกรรมการบริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด หรือไม่ มีการนำดอกเบี้ยไปเสียภาษีรวมกับรายได้อื่นครบถ้วน หรือไม่ บริษัทผู้จ่ายดอกเบี้ยมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือไม่ และดอกเบี้ยดังกล่าว ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือไม่ การแจ้งรายการดังกล่าวถูกต้องครบถ้วน หรือไม่.