สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (สศค.) และกรมสรรพสามิต เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. 2567 ระบุว่า หากเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด สนามกอล์ฟ สนามม้า ฯลฯ เพิ่มขึ้น 

ส่วนผลกระทบเชิงลบ ที่เลี่ยงไม่ได้ นอกจากการเกิดปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นแล้ว คงหนีไม่พ้นการโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม กรมสรรพสามิต ประเมินการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายจะสร้างรายได้ขั้นต่ำ 10% เข้าประเทศเพิ่มประมาณ 12,265 ล้านบาท ในที่สุด พ.ร.บ.ก็คลอด

แต่คณะกรรมการกฤษฎีกา ขอให้ ครม.ทบทวน ร่าง พ.ร.บ.บัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ก่อนเข้าที่ประชุมสภา โดยมีข้อสังเกตที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยเหตุผล อาทิ หากร่างกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายที่จะจำกัดเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจร ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า “สถานบันเทิงครบวงจรคือสิ่งใด ?”

เพราะถ้าเอาพวกโรงแรม ร้านอาหาร ไนต์คลับ สนามกีฬา สวนน้ำ สวนสนุก ก็มีกฎหมายของแต่ละที่อยู่แล้ว ไม่ต้องออกให้ซ้ำซ้อน และยังไม่ชัดเจนว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร  ซึ่งเป็นเป้าประสงค์ ถ้ารัฐบาลจะแก้ไขก็สามารถทำได้ด้วยกฎหมายว่าด้วยการพนัน หรือแก้ไขกฎหมายนี้ที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2478  

ทั้งนี้ เมื่อมาดูบัญชีแนบท้ายส่วนของกาสิโน จะอยู่ในข้อ 10 คือ “กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด”  อัตราค่าธรรมเนียมภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดว่า ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท

ก่อนหน้านี้มีข้อสังเกตจากภาคเอ็นจีโอ ว่า “รัฐบาลยังไม่ชัดเจนเรื่องการตั้งกองทุนแก้ไขปัญหาการพนัน”  ซึ่งจะออกในเชิงบำบัดรักษาการติดการพนัน และเอ็นจีโอเห็นว่า การกำหนดค่าเข้าสำหรับคนไทยแค่ 5,000 บาท ไม่ใช่ว่าจะสกัดคนเล่นการพนันได้ พวกฐานะกลางๆ หาทางกู้หนี้ยืมสินเข้าไปเล่นก็ได้ เผื่อรวย

และกฎหมายนี้ “ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่า จะไม่เกิดบ่อนวิ่ง บ่อนขนาดเล็ก” ปัญหาส่วนหนึ่งที่คนจนกระจุก มาจากการพนัน ซึ่งสภาพตอนนี้น่าเป็นห่วงที่ระบาดไปที่การพนันออนไลน์ ตระกูล 888 ทั้งหลาย เวลาจับกันทีเห็นวงเงินแล้วได้แต่กลืนน้ำลายว่า เงินไหลออกนอกระบบเศรษฐกิจมหาศาลมาก ทำให้เงินพัฒนาคุณภาพชีวิตหายไป

ที่น่ากลัวอีกอย่างคือ “เปิดบ่อนพวกนี้จะใช้เป็นแหล่งฟอกเงินหรือไม่” ถ้ามีกาสิโนถูกกฎหมาย มิจฉาชีพก็แอบอ้างว่าเงินผิดกฎหมายของตัวมาจากการเข้าไปเล่นกาสิโนของรัฐบาล เงินพวกทุนเทาต่างชาติ เงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีโอกาสถูกฟอกที่กาสิโนได้ และยังต้องสำรวจเรื่องการค้ามนุษย์ที่เพิ่มจากการมีคาสิโนด้วย

สิ่งที่เอ็นจีโอเป็นห่วงคือ คณะกรรมการพิจารณาใบอนุญาตที่จะให้นายกฯ นั่งประธานนั้น เป็นซูเปอร์บอร์ด จะมีหน่วยงานไหนตรวจสอบถ่วงดุล การจะกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเป็นเรื่องดี แต่รัฐบาลต้องอุดช่องโหว่ปัญหาให้ได้ เอาเท่าที่กฤษฎีกาถามก่อน แล้วตอบให้ได้ว่า บ่อนตามชุมชน บ่อนออนไลน์ จะจัดการอย่างไร

อย่าให้เกิดลักษณะที่ปัญหาเก่าก็ยังแก้ไม่ได้ แล้วจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก.