ในภาวะที่ปัญหาสังคม เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านที่ทำมาหากินสุจริต กำลังระอุเมือง “ผู้นำประเทศ” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็รู้และต้องเอ่ยปากขันนอตหน่วยงานรับผิดชอบ ไม่ให้คำถามกระหึ่ม “เราจะอยู่อย่างนี้กันหรือ” ในห้วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญสารพัดปัญหาที่กระทบภาพลักษณ์
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นข่าวครึกโครม เพราะเป็นประเทศทางผ่านของขบวนการค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เกิดเหตุซ้ำๆ กับดารา นายแบบ คนจีน ตกเป็นเหยื่อแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ดังไปทั่วทั้งโลก ส่งผลกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย ถูกมองเป็นเมืองอันตรายไปแล้ว ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน โจทย์อาชญากรรม เป็นปัญหาสังคมทั้งภายในและจากนอกประเทศ เริ่มพูดกันว่าประเทศไทย
จึงได้เห็น “ผู้นำ” ขยับ และองคาพยพหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มเต้นตาม ขมวดปมใหญ่ หลายปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคม เชื่อมต่อกับขอบแดนดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน โจทย์ยากที่ทุกหน่วยงานต้องเคลื่อนตัวพร้อมกัน สอดคล้องกัน ทั้งตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่รัฐ และแน่นอนฝ่ายนโยบาย กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายคุมด่านชายแดน ฯลฯ หลายเรื่องเกี่ยวโยงกับการประเทศเพื่อนบ้าน บางเรื่องอาจวนมาซ้ำเติมปัญหา ดังนั้นในภาคปฏิบัติจำเป็นขันนอตจริงจัง
งานนี้รองนายกฯคุมความมั่นคงอย่าง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ประกาสสั่งซีลชายแดนสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่และภัยคุกคามรุนแรง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง 14 จังหวัดติดชายแดน ต้องปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ซึ่งผลการทำงานจะมีการประเมินตัวชี้วัดผลการทำงาน (KPI) มีผลต่อตำแหน่งและการโยกย้าย โดยในวันที่ 30 ม.ค. จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 14 จังหวัดติดชายแดน ช่วยกันซีลชายแดน แม้จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของทหาร
สอดรับกับรัฐบาลเปิดผลการดำเนินการด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกมิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตามนโยบายของรัฐบาล พบว่า มีคดีอาญารวมทั้งหมดกว่า 5 แสนคดี และจากสถิติพบว่า สถิติประเภทคดีที่เกิดสูงสุด อันดับหนึ่ง คือ หลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ หลอกให้กู้เงิน หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (คอลเซ็นเตอร์) มีผู้ต้องหาถึง 3 หมื่นกว่าราย
แน่นอนว่าถึงเวลาแล้วที่ “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องปรับโหมด กลับมาเน้นโจทย์สังคม สะสางปัญหาอาชญากรรมของประเทศไม่ปล่อยปัญหาซุกอยู่ใต้พรมให้เซาะกร่อนบ่อนทำลายประเทศไปเรื่อยๆ จนสั่นสะเทือนไปถึงความเชื่อมั่นในเชิงบริหารเศรษฐกิจ ดังนั้นโจทย์ปัญหาอาชญากรรม เป็นเรื่องสำคัญ เป็นตัวเร่งฉุดแรงขับเคลื่อนในการบริหารปัญหาปากท้องชาวบ้าน ในสถานการณ์ “ลูกเถ้าแก่ใหญ่” แบกรับสารพัดปัญหาทุกด้าน.