เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องการสร้างสมดุลภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 เพื่อรองรับนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ร้องเรียนผ่านสายด่วน 1111 ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางและเตรียมซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายจากอุทกภัยในทุกพื้นที่อย่างเร่งด่วน  

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว จึงปรับแผนการทำงานในเดือน พ.ย.2564 ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยให้ลดการทำงานที่บ้าน (เวิร์ก ฟรอม โฮม) จากเดิม 85 เปอร์เซ็นต์ ปรับเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องให้อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น คือ กลุ่มที่มาปฏิบัติงานที่สปน. ต้องตรวจด้วยชุดแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) ทุกวันจันทร์ รวมถึงสุ่มตรวจกลางสัปดาห์ด้วย และมอบหมายให้รองปลัดสำนักนายกฯ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารทุกคน ให้ขับเคลื่อนงานเชิงรุกติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี และประเด็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยให้เดินทางลงพื้นที่ติดตามงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและประสานทุกจังหวัดแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนภาพรวมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ยกเว้นจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อสูงอยู่ ยังให้ใช้ระบบการประชุมทางไกลติดตามงานได้

นายธีรภัทร กล่าวอีกว่า ส่วนการรับเรื่องร้องทุกข์ผ่านศูนย์บริการประชาชน 1111 สำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์และข้อเสนอแนะผ่าน 4 ช่องทาง คือโทรศัพท์สายด่วน 1111, ตู้ ปณ.1111, เว็บไซต์, แอพพลิเคชั่นไลน์ และเร่งให้ติดตามประสานการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ติดตามสถานการณ์และเร่งแก้ปัญหาการเอาเปรียบของผู้ประกอบการและการหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้มอบหมายกรมประชาสัมพันธ์ให้เร่งสร้างการรับรู้และเผยแพร่ผลงานรัฐบาลและผลงานของทุกกระทรวง รวมถึงประสานงานจิตอาสาภาครัฐช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 สนับสนุนกิจกรรมพัฒนาพื้นที่และแก้ไขปัญหาสาธารณภัยทุกด้าน อีกทั้งติดตามการเกิดสาธารณภัยและประสานงานการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยและดินโคลนถล่ม รวมถึงเตรียมรับมือแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในระยะต่อไป

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การรับเรื่องร้องทุกข์ช่วงเดือน ต.ค.2564 รวม 30,436 เรื่อง มีรายละเอียดดังนี้ 1.รับเรื่องร้องทุกข์ทั่วไป 5,059 เรื่อง สามารถแก้ไขปัญหาได้มากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ 2.รับเรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 การสอบถามข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะ จำนวน 25,377 เรื่อง สามารถแก้ไขปัญหายุติเรื่องได้มากกว่า 99.3 เปอร์เซ็นต์ กรณีของเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อยุตินั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งตนได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตามสอบถามเรื่องร้องทุกข์และความเดือดร้อนของประชาชนด้วยตัวเองทุกสัปดาห์ และนายกฯสั่งการให้ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงาน เร่งแก้ไขปัญหาของประชาชน รวมทั้งขอให้นำข้อเสนอแนะของประชาชนไปพิจารณาพัฒนางานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป