เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ม.ค. 2568 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรค และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวภายหลังการประชุม สส. และกรรมการบริหารพรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ถึงเหตุการณ์ลูกเรือประมงไทย 4 คน ถูกจับโดยกองทัพเรือเมียนมา และปัจจุบันยังไม่ได้รับการปล่อยตัว

โดยนายฉกาจ กล่าวว่า รัฐบาลเคยระบุไว้ว่า ลูกเรือไทยจะได้กลับบ้าน ในวันที่ 4 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่มาวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับบ้าน รัฐบาลไม่มีความชัดเจน ซึ่งทางญาติของชาวประมงกลุ่มนี้ ต้องการทราบถึงรายละเอียดว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการในขั้นตอนใด ไม่ใช่เงียบกันทั้งประเทศตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บอกให้อยู่กันเงียบ ๆ หรือแม้กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถชี้แจงในเรื่องนี้ได้ บอกแค่ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการ อย่าเพิ่งไปกดดันทางเมียนมา 

“ผมขอให้สื่อมวลชน ช่วยกันเป็นกระบอกเสียงนำพาลูกประมงทั้งหมดกลับสู่ดินแดนไทยโดยเร็วที่สุด เพราะวันนี้คนไทยไร้ที่พึ่งพา เพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการดำเนินการทั้งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไทย ไม่สามารถเจรจาให้ปล่อยตัวได้ และยังปล่อยให้เมียนมากล่าวหาและดำเนินคดีคนไทยเช่นนี้” นายฉกาจ กล่าว

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า เป็นเวลา 45 วัน แล้วที่คนไทยที่ถูกจับกุมตัวไป 4 คน และเสียชีวิต 1 คน จากกรณี เรือรบเมียนมายิงเข้าใส่กลุ่มเรือประมงของไทยในพื้นที่ทะเล จ.ระนอง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 67 ตนเห็นว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เนื่องจาก 1.เกิดขึ้นใกล้บริเวณทะเลอาณาเขตของเกาะพยาม เกาะหลาม เกาะคัน เกาะขี้นก ซึ่งถือว่าพื้นที่ทะเลที่ยังไม่มีข้อยุติต้องมีตกลงกันต่อไป เนื่องจากสนธิสัญญาสยาม กับข้าหลวงอังกฤษประจำอินเดีย ไม่ได้ระบุถึงเกาะขนาดเล็ก 2.ละเมิดบันทึกข้อตกลงการปักปันพื้นที่ทะเลอันดามันระหว่าง ราชอาณาจักรไทยกับสหภาพพม่า ปี 2523 ข้อ 3 ว่ากรณีพิพาทใดๆ ต้องระงับด้วยสันติวิธี 3.การยิงหมายเอาชีวิตคนไทย เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เทียบกรณีสากล เช่น ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ที่จะใช้น้ำฉีดใส่เรือที่ล้ำเขตแดน ใช้เรือดันออกนอกพื้นที่ หรือการยิงเตือน

“กรณีเมียนมา ที่ยิงเรือประมงไทยประสงค์เอาชีวิต เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ พรรคพลังประชารัฐเห็นว่า รัฐบาลไทยมีท่าทีอ่อนแอเกินไปในการปกป้องชีวิตของพี่น้องชาวประมงไทย และไม่อาจยอมรับได้ พรรคจะติดตามทวงถามเรื่องนี้ ทั้งในและนอกสภาต่อไป” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ด้านนายชัยมงคล กล่าวว่า วันนี้ชีวิตของลูกเรือไทย 4 คน ไร้ความหมาย รัฐบาลประกาศว่า ทางเมียนมาจะปล่อยตัวมาถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไร้วี่แวว สิ่งที่สะท้อนให้เห็นจากกรณีนี้คือ รัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่มี สส.ตัวแทนประชาชนในสภา เราจำเป็นจะต้องออกมาเรียกร้อง และกระทุ้งรัฐบาลเพื่อความเป็นธรรมให้กับลูกเรือทั้ง 4 คน เพราะตอนนี้รัฐบาลแสดงชัดว่าปฎิบัติต่อคนไทยแตกต่างกัน เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะชีวิตของลูกเรือประมง ไม่มีค่าเลยหากนำไปเปรียบเทียบกับนักโทษที่เคยอยู่ที่ชั้น 14 

“พรรคพลังประชารัฐขอย้ำว่า ชีวิตคนไทยทุกคนมีคุณค่า เราจะเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพให้กับคนไทย ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือจะเป็นคนรวย วันนี้รัฐบาลไม่มีความโปร่งใสในการบริหารประเทศ ซึ่งเราต้องการเห็นรัฐบาลไทยที่มีเสรีภาพและอธิปไตย อยากเห็นรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของคนไทยบนแผ่นดินนี้” นายชัยมงคล กล่าว.