จากกรณีข่าวไฟป่า “ลอสแอนเจลิส” ในสหรัฐนั้น เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ยังมีธุรกิจและชุมชนคนไทยได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ 2 จุด คือไฟป่าพาลิเซดส์ ที่ขยายวงครอบคลุมพื้นที่ไปแล้วเกือบ 60,000 ไร่ โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียง 13% และไฟป่าอีตันที่ลุกไหม้พื้นที่ไปแล้วกว่า 14,000 ไร่ โดยควบคุมเพลิงแล้ว 27% ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุไฟป่า และไขปริศนาที่หลายคนสงสัยทำไมบ้านบางหลังถึงรอดพ้นไฟไหม้ได้โดยระบุว่า

“4 เคล็ดลับ ทำไมบ้านบางหลัง ถึงรอดพ้นไฟไหม้ใหญ่ที่ฮาวาย มีแฟนเพจส่งคำถามมา ถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอ้างว่ารอดจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ ในเมืองลอสแอนเจลิส ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่พื้นที่โดยรอบถูกเผาราบทุกหลัง และบอกว่า เป็นเพราะบ้านหลังนี้สร้างโดยใช้หลักการ Passive House (บ้านพาสซีฟ) บ้านประหยัดพลังงาน”

“ซึ่งผมก็ยังไม่มีความเห็นนะครับ ว่าจริงเท็จแค่ไหน ? เพราะยังไม่เห็นว่ามีการอ้างอิงหรืออธิบายเรื่องนี้กันโดยทั่วไป ยกเว้นแค่ในเพจที่แชร์กันมาเลยขอยกที่เคยมีการสรุปไว้ก่อนนี้ ถึงกรณีที่เคยเกิดไฟไหม้ใหญ่ จากไฟป่า ในเดือนสิงหาคม ปี 2023 ที่เมือง Lahaina บนเกาะ Maui ของรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เผาผลาญตึกรามบ้านเรือนไปกว่า 2 พันหลัง จากผลของกระแสลมแรง ที่แรงถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่พัดเปลวลามไปทั่วพื้นที่ แต่สุดท้ายกลับมีบ้านบางบ้านที่รอดจากเปลวเพลิงมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และทำให้มีการวิจัยศึกษาโดยสถาบัน the Insurance Institute for Business & Home Safety (IBHS) ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น”

“และคำตอบที่ได้คือ บ้านเหล่านี้มีลักษณะพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ทนทานต่อเพลิงไหม้ ตั้งแต่วัสดุที่ใช้สร้างบ้าน ไปจนถึงลักษณะของพันธุ์พืชในสวนรอบบ้าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการไปปรับปรุงการสร้างบ้านที่จะลดความเสี่ยงในการถูกไฟเผาได้ แทนที่จะพึ่งพาแค่ดวงแค่โชคเท่านั้น”

บ้านหลังที่ 1
– สวนหลังบ้าน ไม่มีไม้พุ่มเลย
– บริเวณนอกเมือง Lahaina มักจะมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งโตอย่างรวดเร็วระหว่างฝนตกในหน้าหนาว และเหี่ยวแห้งลงในหน้าร้อน
– บ้านหลังที่รอดนี้ อยู่ห่างจากบริเวณเชิงเขาไปประมาณ 23 เมตร และก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ ได้เคยทำเคลียร์ต้นไม้โดยรอบออกไป จนเหลือแค่หญ้าสั้น ๆ และไม้พุ่มเล็ก ๆ ทำให้ไม่ค่อยมีเชื้อเพลิงที่จะทำให้ไฟลามมาที่บ้าน
– ดังนั้น จึงควรที่จะเคลียร์พื้นที่ในรัศมี 9 เมตรรอบบ้าน ไม่ให้มีต้นไม้รอบ ๆ ถึงมีต้นหญ้าอยู่บ้าง ก็จะแค่ไหม้เกรียมไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีไม้ใหญ่ที่จะทำให้ไฟลุกไหม้เป็นเวลานาน
– นอกจากนี้ บ้านแต่ละหลัง ยังควรพื้นที่ว่างระหว่างกัน ที่ไม่มีต้นไม้อยู่เลย จะได้เป็น “แนวกันไฟ” ป้องกันไฟลามข้ามไปยังบ้านอื่นๆ ในชุมชน

บ้านหลังที่ 2
– รั้วบ้าน ที่ไม่ไหม้ไฟ
– หลายคน (ในอเมริกา) นิยมสร้างบ้านโดยใช้รั้วไม้ แต่ไม้ก็เป็นวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเวลาไฟไหม้ นำพาไฟจากบ้านของเพื่อนบ้านเข้ามาสู่บ้านเราได้ แถมจะยิ่งเสี่ยงขึ้น ถ้ารั้วนั้นอยู่ติดกับตัวของบ้าน เช่น ทำเป็นประตูรั้วประตูบ้านต่อกัน
– บ้านหลังที่รอดนั้น ทำรั้วผนังคอนกรีต และไม่มีต้นไม้ปลูกอยู่ในรัศมี 9 เมตรจากบ้าน จึงไม่ได้นำพาเอาไฟและความร้อนมาถึงตัวบ้าน – นอกจากนี้ บ้านที่มีรั้วทำจากหิน ก็รอดจากไฟไหม้ด้วย
– บ้านที่ทำรั้วแบบนี้ จะเหมือนมีเกราะป้องกันความร้อน ลดการรับเอาความร้อนที่แผ่มาจากบ้านหลังอื่น

บ้านหลังที่ 3
– หลังคาโลหะ
– มีบ้านหลังหนึ่ง ที่มีหลังคาสีแดง โดดเด่นจากบ้านหลังอื่นๆ และรอดจากไฟไหม้อย่างน่ามหัศจรรย์ จนกลายเป็นภาพพาดหัวข่าว
– พบว่า ก่อนหน้านี้ 1 ปี บ้านหลังดังกล่าวพึ่งทำการเปลี่ยนหลังคามา เนื่องจากมีปลวกขึ้น โดยใช้วัสดุมุงหลังคาที่เป็นโลหะ
– พร้อมทั้งกำจัดพืชที่ขึ้นรอบๆ ผนังด้านนอกบ้าน โดยเอามาหินแม่น้ำมาปูแทน (มีงานวิจัยระบุว่า เจ้าของบ้านควรใส่ใจกับการกำจัดต้นไม้ ที่ขึ้นรอบบ้านในรัศมี 1.5 เมตร)
– หลังคาโลหะ ช่วยลดโอกาสเกิดไฟไหม้จากเถ้าถ่านที่คุไฟ ซึ่งเวลาเกิดไฟป่าขึ้นนั้น เศษวัสดุที่ติดไฟมักจะถูกพัดพาไปในอากาศ ไปไกลจากแหล่งต้นกำเนิดไฟ แล้วถ้ามาตกลงบนหลังคาบ้านที่เป็นไม้ (ซึ่งนิยมในอเมริกา) ก็จะทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านได้ แถมลามต่อไปยังเพื่อนบ้านด้วย
– หลังคาโลหะ รวมถึงหลังที่สร้างด้วยวัสดุทนไฟอื่น เช่น กระเบื้อง จะทนต่อเถ้าถ่านติดไฟได้

บ้านหลังที่ 4
– วัสดุก่อสร้าง ทนไฟ
– บ้านเรือนในเมืองนั้น Lahaina มักจะอยู่ติดกันหนาแน่น ไม่ค่อยมีที่ว่างระหว่างบ้านแต่ละหลัง ไม่ต่างอะไรกับเมืองอื่น ๆ จึงทำให้ไฟลามไปทั่วชุมชนได้ง่าย เพราะความร้อนที่แผ่ออกจากบ้านหลังที่ไฟไหม้ จะรุนแรงเพียงพอที่ทำให้บ้านข้างเคียงติดไฟตามไปด้วย
– แต่บ้านหลังหนึ่ง ที่แม้ว่าจะอยู่ห่างจากหลังอื่นเพียงแค่ 3 เมตร แต่กลับรอดเพลิงไหม้มาได้ เนื่องจากมันถูกสร้างด้วยวัสดุที่กันไฟ ไม่ติดไฟง่าย
– โดยผนังบ้านนั้น ใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟ จำพวกปูนปั้น (stucco) หรือไม้สังเคราะห์ซีเมนต์ไฟเบอร์ (fiber cement) ขณะที่หลังคาทำจากวัสดุพวกยางมะตอย (asphalt shingle) หน้าต่างทำจากกระจกเทมเปร์ (tempered glass) 2 ชั้น ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้แตกง่ายเหมือนถูกความเครียดจากความร้อนสูง จึงไม่กลายเป็นช่องทางให้ไฟลุกลามเข้าไปในบ้าน

คำสรุปจากงานวิจัย ก็คือในการป้องกันบ้านถูกเพลิงไหม้จากไฟป่า นอกจากควรจะสร้างบ้านด้วยวัสดุที่กันไฟแล้ว ก็ยังควรจะต้องมีพื้นที่ว่างเป็นแนวกันไฟ ที่จะตัดเส้นทางไม่ให้ไฟลามจากบ้านหนึ่งไปสู่อีกบ้านหนึ่งอีกด้วย เอามาประยุกต์ใช้บ้านเราได้นะครับ…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Jessada Denduangboripant