เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีลอบวางระเบิดที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เมื่อช่วงเช้าของเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปดู ถึงทราบว่าเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เป็นระเบิดที่มาจากรถมอเตอร์ไซค์ โดยระเบิดได้ซ่อนไว้ในที่เก็บของ แต่ไม่มีคนเสียชีวิต แต่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และ ประชาชน 1 คน ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่สืบเนื่องจากการเตรียมยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา โดยตนได้พูดคุยในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติทั้งหมดแล้วว่า สถานการณ์ปัจจุบันเดี๋ยวนี้มีการลด พอมีการเพิ่มหน่อยก็ประกาศอีก พอประกาศอีกก็มีเรื่องเกิดขึ้นมาอีก พอไม่มีเรื่อง เบาลงก็ลด มันดูเหมือนเป็นไปตามกระบวนการเกมของเขา ซึ่งได้ให้นโยบายที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติไปแล้วว่า ภายใน 1 เดือนนี้ มาคุยกัน ให้ทบทวนดูในสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันมีอะไรที่ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ก็ต้องมีการติดตามดู ว่ามันมีเหตุการณ์อะไรเชื่อมโยงกันหรือไม่ ตนคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเช่นนี้อีก หากคุยแล้วและยังใช้วิธีแบบเดิม เรื่องแบบเดิมก็จะเกิดขึ้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ต้องมาทบทวนดูว่าในเรื่องของยุทธศาสตร์จะเอายังไง รวมถึงการตั้งคณะกรรมการเพื่อไปเจรจานั้น ก็ต้องทำให้ชัดเจน การเจรจาก็ต้องเจรจากันไป การรบยังมีการรบกันอยู่ แบบนี้ก็คงไม่ใช่วิถีในการแก้ปัญหา ต้องมีการทบทวนอย่างเร่งด่วน ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปแล้ว ก็ต้องรอดูว่าการคุยกันจะได้ข้อสรุปว่าอย่างไร
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนก็ให้ทีมที่ปรึกษาของตน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจได้ไปทบทวนดู ว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วจะแก้ไขอย่างไร แต่ตนคิดว่าจะเป็นการเคลียร์ปัญหาใหม่ทั้งหมด แล้วจะได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น แล้วไปดูว่าข้อจำกัดมันเป็นอย่างไร มิเช่นนั้น มันจะไม่มีการแก้ปัญหาก็จะมาตอบคำถามแบบนี้อีก
เมื่อถามอีกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 16 ม.ค. 2568 จะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนจะลงไปด้วยในวันที่ 16 ม.ค. 2568 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอรอดูในรายละเอียดก่อน ส่วนเรื่องมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ถือเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องมั่นใจว่าจะดำเนินการได้
เมื่อถามอีกว่าการที่นายกฯ ลงพื้นที่ อาจมีการพูดคุยเรื่องสันติสุข เพื่อมาแก้ปัญหาในพื้นที่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องไปฟังว่าข้อเสนอเป็นอย่างไร และการลงพื้นที่ก็มีหลายภารกิจ ไปหลายที่ที่สำคัญ ซึ่งจะมีเงื่อนไขที่เป็นโอกาสที่ทำให้ภาคใต้ดีขึ้น
เมื่อถามอีกว่าทำไมขณะนี่ยังไม่มีการตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ชุดใหม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ คณะกรรมการสันติสุขใหม่ก็ต้องตั้งตามยุทธศาสตร์ใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น ถ้าเป็นยุทธศาสตร์ A ก็ต้องเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญแบบ A หรือถ้าเป็นยุทธศาสตร์ B หรือ C ก็ต้องหาคนที่มียุทธศาสตร์ทางนั้นเช่นกัน แต่สิ่งแรกเลยก็คือการคุยก่อน ทบทวนดูว่าอะไรเป็นอะไร จะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร เมื่อชัดเจนแล้วจะเดินไปตามยุทธศาสตร์ใหม่แบบนี้ โดยตนให้เวลาสรุปภายในสิ้นเดือนนี้เป็นขั้นต้น ให้ สมช. ไปดูว่าที่ทำมาแล้วบวกลบอย่างไร ดีอย่างไร
“ตนบอกแล้ว ถ้ายังไม่ทำอะไรที่เปลี่ยนแปลง สถานการณ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นต้องคิดอะไร และทบทวนดูว่าสิ่งที่ทำไปมีจุดอ่อนอะไร มีอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าได้สิ่งที่เป็นปัญหาแล้วก็ต้องมาทบทวนต่อ ว่าถ้ายุทธศาสตร์เป็นแบบไหน เห็นพ้องต้องกันแล้วกระบวนการที่เดินตามยุทธศาสตร์จะทำอย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามอีกว่า นายภูมิธรรมเคยพูดว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ การลงพื้นที่ในวันที่ 15 ม.ค. นี้ จะไปดูเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริง ๆ ไม่ได้เกี่ยวกันโดยตรงกับสิ่งที่พูด เพราะตนเน้นเรื่องของการลดกำลังพล เชื่อว่าการลดกำลังพลมีบางส่วนที่เป็นปัญหา เป็นไขมันที่ต้องรีดจริง ๆ เพราะอาจมีบางส่วนที่กำลังพลมากเกินไป เช่น อัตรานายพลบางส่วน ทั้งนี้ถ้ายอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ที่ว่าโลกนี้เปลี่ยนแปลงไป การรบยุทธวิธีต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป กำลังพลก็ไม่ได้ใช้มากในโลกนี้ ประเทศต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นสงครามปัจจุบันมีการใช้โดรนบ้าง ใช้ดาวเทียมบ้าง เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ซึ่งคนที่จะเกษียณอีก 6 เดือน เราก็ให้สมัครใจ ซึ่งก็มีคนลงชื่อพอสมควร จากนั้นจะดูว่าจะจัดกระบวนนี้อย่างไร ก็ให้มีการเกลี่ยกำลังพลก่อน ขณะเดียวกัน ทหารหลายส่วนก็ต้องไปทำหน้าที่เวลาเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นให้ใช้เทคโนโลยี เช่น ใช้โดรนในการสำรวจ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังพลเสมอไป แต่อาจจะจำเป็นเฉพาะภารกิจ ดังนั้นก็ขอซื้อโดรนใหม่ แบบนี้ก็ยินดีให้เอาเทคโนโลยีเข้าไปทดแทน และยินดีสนับสนุน เพราะเทคโนโลยีหลายอย่างสามารถแทนกำลังพลได้ ซึ่งได้สั่งการไปแล้ว คิดว่าในงบต่าง ๆ ที่มีอยู่ ปีแรกก็น่าจะมีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง และต่อไปก็คงเพิ่มมากขึ้นในการพูดคุย เรื่องนี้อยู่ในยุทธศาสตร์ที่ตนอยากลดกำลังพล และทำให้เกิดประสิทธิภาพ ให้กองทัพเล็กแต่มีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 ม.ค. 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยนายกฯ จะติดตามความคืบหน้าการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ โครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก โครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่ร่องน้ำปัตตานี นอกจากนี้จะพบปะนักเรียนนักศึกษาและผู้นำศาสนา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ