เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าหน่วยงานราชการจากทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเข้าร่วมด้วย

โดยนายกฯ กล่าวมอบหมายโยบายตอนหนึ่งว่า ขอสวัสดีปีใหม่ปี วันนี้มาพูดคุยกัน อยากให้ทุกคนลองมารับฟังและลองพูดคุยกันดูว่าประเทศเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้าง เราอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันและอยู่ในเรื่องเดียวกัน ในการตั้งงบประมาณจะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน ซึ่งวันนี้เราก็ทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศเราเจอเรื่องท้าทายมากมายและมีความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติที่รัฐบาลอยากจะแก้ไข ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากและการวางแผนงบประมาณในปี 2569 ค่อนข้างที่จะมีอยู่จำกัดเราก็ต้อง เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ที่จะจัดทำงบประมาณปี 2569 ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ด้วยงบที่มีอยู่จำกัดของเรา

นายกฯ กล่าวต่อว่า ดิฉันขอตั้งเป้าหมายการจัดทำงบประมาณของปี 2569 ด้วยคำว่าการเติบโตทางประสิทธิผล ที่เราจะต้องใช้งบอย่างแม่นยำมากขึ้น และเป็นงบที่ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 1.ไม่ลดสัดส่วนนักลงทุนและอุดหนุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 2.ไม่เพิ่มงบดำเนินงานเน้นเพิ่มประสิทธิผล และไม่เพิ่มงบประมาณ และ 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพและดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึงและเท่าเทียม โดยรัฐบาลเน้นคุณภาพของคนอย่างทั่วถึง ถือเป็นปัญหาความท้าทายทั้งในและต่างประเทศ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวตัวเลขปีที่ผ่านมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ล่าสุด รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1- 12 ม.ค. 68 มี 1.3 ล้านคน มีมูลค่า 6,000 ล้านบาท และในเดือนนี้ ตนจะเดินไปร่วมการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส เหตุที่ต้องประชุมในเดือน ม.ค. เพื่อที่ผู้นำประเทศต่างๆ จะได้พูดถึงทิศทางของโลกในปีนี้ว่ามองกันอย่างไร โดยตนจะไปเน้นย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมรองรับการลงทุน เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพที่จะแข่งขันได้กับทั่วโลก ไปยืนแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลผลักดัน 

“เรื่องอาชญากรรมออนไลน์ ตัวดิฉันเองเป็นนายกรัฐมนตรีก็โดนเหมือนกัน คอลเซ็นเตอร์มาแบบแอดวานซ์ ไม่ได้เป็นคอลเซ็นเตอร์ธรรมดา เป็นคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกว่าเป็นผู้นำบางประเทศ หลอกว่าดิฉันยังไม่บริจาคบางอย่าง ขอไม่เอ่ยชื่อ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก อ้างว่าเป็นผู้นำประเทศหนึ่ง ส่งเสียงผู้นำประเทศนั้นมา ขอเตือนภัยประชาชนว่าดิฉันเองก็เกือบเชื่อเหมือนกัน เพราะเคยได้ยินเสียงของผู้นำท่านนั้นจริงๆ พูดว่า Good morning Prime Minister of Thailand และชวนคุยและพูดต่อว่ายังไม่ได้บริจาค แต่ส่งลิงก์ของอีกประเทศหนึ่งมา เป็นเรื่องที่ทุกคนเจอจริงๆ เป็นการหลอกที่เริ่มแอดวานซ์เนียนมากขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันเกือบเชื่อไปแล้ว“ นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในการจัดสรรงบประมาณปี 2569 ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาตามการปรับขึ้นเท่าที่จำเป็น และแน่นอนว่าพยายามที่จะไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น เพราะรายจ่ายประจำจะเป็นคอร์สที่สะสมทุกปี การที่เราจะมาปรับเปลี่ยนอะไรค่อนข้างต้องใช้เวลา ซึ่งพอมาถึงรอบปีเราก็เจอรายจ่ายประจำอีก ซึ่งทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันว่าเราจะลดรายจ่ายประจำอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องเจาะลึกลงไป ขอให้ทุกคนคิดเรื่องนี้ไว้ในใจ เรื่องของงบประจำ ดิฉันเข้าไปดูตัวเลขตามหน่วยงานต่างๆ เยอะมากพอสมควรด้วยข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณ ขอความร่วมมือกัน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า นโยบายคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ โดยให้กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเทียบเคียงกับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย เพื่อให้งบประมาณเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และในการจัดทำคำขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนของภาครัฐ รวมถึงให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินรายได้หรือเงินสะสมนำเงินดังกล่าว มาใช้ดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นลำดับแรก รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินอื่นเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสม เช่น เงินกู้ และการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ (PPP) เพื่อลดภาระงบประมาณของประเทศและให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงให้พิจารณาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจูงใจภาคเอกชนและนักลงทุนจากชาติ หวังว่าข้าราชการทุกคนจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้เกิดงบประมาณที่มีประโยชน์ที่สุด และทำให้กับประชาชนได้เชื่อว่าข้าราชการ 2 ล้านคน จะดูแลประชาชนทั้งประเทศได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าเรามีหน้าที่ที่จะดูแลประชาชนและสร้างความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน 

“วันนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คน ปีหน้านี้อาจจะต้องทำงานกันมากหน่อย แต่เชื่อว่าด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราจะสามารถผลักดันสิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารัก และประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน“ นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการมอบนโยบายครั้งนี้ บางช่วงนายกฯ มีเสียงแหบ และบางช่วงต้องจิบน้ำเป็นระยะ พร้อมกล่าวว่า ขอประทานโทษ เสียงไม่ค่อยมีเท่าไหร่วันนี้ ทั้งนี้ อาการดังกล่าวเป็นมานานแล้ว ตั้งแต่หลังป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา.