เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้การรับรองเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อาล ซะอูด (His Highness Prince Faisal bin Farhan Al-Saud) รมว.การต่างประเทศ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายซูการ์โน มะทา สส.พรรคประชาชาติ นายวรวีร์ มะกูดี ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา นายดำรง พุฒตาล ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด น.ส.ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร น.ส.สตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายธงชาติ รัตนวิชา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร น.ส.ฟารีดา สุไลมาน คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล นันทขว้าง ผอ.สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง

ประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับ รมว.การต่างประเทศ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย และคณะด้วยความยินดี พร้อมแสดงความชื่นชม รมว.การต่างประเทศ เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้กลับมาใกล้ชิดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้นำของทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน โดยเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้เสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค เมื่อปี 2565 และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2566 ต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มีการหารือทวิภาคีกับมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue – ACD) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2567

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า สำหรับความสัมพันธ์ด้านรัฐสภาก็มีความแน่นแฟ้นเช่นกัน ได้มีการตั้งกลุ่มมิตรภาพฯ ระหว่างกัน และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนทั้งในระดับประธานรัฐสภาของทั้งสองฝ่าย และกลุ่มมิตรภาพฯ ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาซาอุดีอาระเบียมีกำหนดจะเดินทางเยือนไทยในเดือนก.พ.นี้  ซึ่งจะได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน (MoU) อันจะนำไปสู่ความร่วมมือในระดับรัฐสภาต่อไป การเดินทางเยือนไทยของ รมว.การต่างประเทศในครั้งนี้ มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการเมือง การค้า การลุงทุน และการท่องเที่ยว ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศมุสลิมที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง ภายใต้การนำประเทศของสมเด็จพระราชาธิบดี มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี ด้วย Saudi Vision 2030 ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัยอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ประธานรัฐสภาได้อวยพรให้ รมว.ต่างประเทศ พำนักในประเทศไทยด้วยความสุข ประสบความสำเร็จในการเยือนไทย เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ และได้ฝากความเคารพอย่างสูงไปยังสมเด็จพระราชาธิบดี มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียด้วย

รมว.การต่างประเทศ กล่าวขอบคุณที่ประธานรัฐสภาที่ให้การต้อนรับ และดีใจที่ได้มาเยือนประเทศไทย ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและประเทศไทย ได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีต้องการให้ทั้งสองประเทศกลับมาเป็นมิตร เพื่อที่จะได้ขยายความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน โดยเฉพาะในระดับประชาชนผ่านการท่องเที่ยวระหว่างกันและการทำพิธีฮัจญ์ ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการพัฒนาความสัมพันธ์ การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการมาประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย ซึ่งในช่วงเช้าได้มีการหารือกับ รมว.การต่างประเทศของไทย เพื่อการพิจารณาริเริ่มความร่วมมือในด้านต่าง ๆ

นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางด้านรัฐสภาระหว่างกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับรัฐสภา และเป็นการดีที่ประธานรัฐสภาซาอุดีอาระเบีย จะเดินทางเยือนไทยเร็ว ๆ นี้ สำหรับ Saudi Vision 2030 มีจุดมุ่งหมายหลักคือการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับประเทศต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งนับเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ การเยือนไทยครั้งนี้เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หากมีโอกาสจะกลับมาเยือนประเทศไทยอีก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความสวยงาม โอกาสนี้ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ได้ฝากความระลึกมายังประธานรัฐสภาและประชาชนชาวไทยด้วย.