เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ม.ค. 68 รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า ในที่ดินดังกล่าว มีทั้งหมด 900 ไร่ โดยเป็นที่ดินของสนามกอล์ฟ 500 ไร่ อีก 400 ไร่ เป็นหมู่บ้านและที่ประชาชนอยู่ โดยจะกล่าวถึงที่ดินของกลุ่มบริษัทอัลไพน์ ว่า ตนขอเตือนไปยังนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดมหาดไทย ที่รับผิดชอบกรณีที่ดินอัลไพน์ สั่งการเพิกถอนการขายที่ดินระหว่างมูลนิธิมหามงกุฏราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา กับกลุ่มบริษัทอัลไพน์ ในฐานะผู้ซื้อโดยเร็ว โดยจะใช้วิธีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหมือนกรณีที่ดินเขากระโดงไม่ได้แล้ว เพราะอธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบัน เคยให้สัมภาษณ์ว่ากรณีเขากระโดงไม่เหมือนกรณีที่ดินอัลไพน์ ซึ่งหมายความว่ากรณีเขากระโดง เป็นการออกโฉนดและเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ต่างจากกรณีที่ดินอัลไพน์ เพราะเป็นเรื่องของการเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน

นายจุลพงศ์ กล่าวว่า จากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ออกมายอมรับว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เคยลงนามให้มหาดไทยดำเนินการตามกฎหมาย คือเห็นชอบการเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมโดยการขายที่ดิน โดยมีการอ้างถึงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของธรณีสงฆ์ จึงโอนขายเชิงพาณิชย์ไม่ได้ และนายชาดาได้ลงนามไปตั้งแต่ ก.ย. 67 ก่อนที่จะพ้นตำแหน่ง รมช.มหาดไทย อีกทั้งล่าสุด นายอรรษิษฐ์  สัมพันธรัตน์ ปลัดมหาดไทย ยังให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของนายชำนาญวิทย์ แต่ตอนนี้นายชำนาญวิทย์ ก็ยังไม่ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งของอดีตรองปลัดมหาดไทยในขณะนั้น  

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งตนเป็นห่วงว่านายชาญวิทย์ กำลังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดตาม มาตรา 49-54 เรื่องการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539 ที่บัญญัติว่า “ต้องเพิกถอนคำสั่งที่ออกมา เพราะมีการชักจูงโดยการให้ประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย” เพราะคำสั่งของอดีตรองปลัดมหาดไทยคนดังกล่าว ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ วินิจฉัยแล้วว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นตามกฎหมายแล้ว นายชำนาญวิทย์ต้องยกเลิกคำสั่งที่มิชอบได้เอง โดยไม่ต้องมีผู้ร้องหรือให้รัฐมนตรีสั่งการแต่อย่างใด

“ผมขอเตือนไปยังนายชำนาญวิทย์ว่า ท่านต้องรีบเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เพื่อให้ที่ดินที่เป็นธรณีสงฆ์ตามความเห็นของกรรมการกฤษฎีกา กลับมาเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหาร ตามพินัยกรรมของนางเนื่อม และอาจจะรวมไปถึงปลัดมหาดไทย ที่หากไม่ดำเนินการ โดยคิดว่าแม่นยำในข้อกฎหมาย และระเบียบราชการ คงไม่มีใครทำท่านได้ ผมขอให้ดูกรณีอดีตรองปลัดมหาดไทยเป็นตัวอย่าง ที่ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี และหากนายชาญวิทย์ ยังละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อาจเจอข้อหาดังกล่าวเช่นกัน” นายจุลพงศ์ กล่าว

นายจุลพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของสภา หากข้าราชการประจำไม่ขยับ คือไม่ทำอะไรเลยภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้ ตนจะตั้งกระทู้ถามนายอนุทิน ว่าสั่งให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติตามกฎหมายในกรณีที่ดินอัลไพน์อย่างไร.