สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า เนปาลกำหนดให้ 20% ของพื้นที่ในประเทศ เป็นพื้นที่คุ้มครอง แต่โครงการพลังงานน้ำและการท่องเที่ยว ต่างเป็นแหล่งรายได้สำคัญ

เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลกาฐมาณฑุผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานในอุทยานแห่งชาติ พื้นที่ป่าไม้ และเขตอนุรักษ์อื่น ๆ ยกเว้นพื้นที่อ่อนไหวสูง

“การตัดสินใจที่สร้างความขัดแย้งเช่นนี้ เกิดขึ้นจากการหลอกลวง และมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลของเรากำลังทำงานเพียงเพื่อเอาใจนักลงทุน เพราะขาดการมองการณ์ไกล” นายปาดัม บาฮาดูร์ เศรษฐา ผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม และหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องคัดค้านการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กล่าว

นอกจากนี้ เศรษฐาระบุเสริมว่า คำตัดสินของศาลฎีกา มอบความยุติธรรมให้แก่การอนุรักษ์นิเวศวิทยา และความหลากหลายทางชีวภาพ

ขณะที่ นายรัมปรีต ยาดาฟ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติชิตวัน ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์สำคัญที่สุดของเนปาล กล่าวว่า รัฐบาลกาฐมาณฑุไม่ควรผ่านกฎหมายฉบับนี้ตั้งแต่แรก เพราะถ้าโครงการพัฒนาได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในพื้นที่คุ้มครอง มันจะทำลายธรรมชาติ และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์.

เครดิตภาพ : AFP