เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุ จยย.บิ๊กไบค์ เสียหลักพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าไปรษณีย์ไทย ถนนติวานนท์ (ฝั่งมุ่งหน้าแยกแคราย) ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน บริเวณเลนขวาสุด พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายวุฒิพงศ์ ยืนยง อายุ 23 ปี ชาว กทม. นอนจมกองเลือดเสียชีวิต สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่กางเกงยีนขายาว มีรองเท้า และหมวกกันน็อกแบบเต็มใบตกอยู่ข้างตัว ใกล้กันพบ จยย.บิ๊กไบค์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นนินจา สีเขียว หมายเลขทะเบียน 6 ขห 1046 กรุงเทพมหานคร จอดล้มอยู่บริเวณเกาะกลางถนน มีร่องรอยเฉี่ยวชนบริเวณด้านขวา และร่องรอยลากยาวตามต้นไม้บริเวณเกาะกลาง ถัดไปบริเวณลานจอดรถของไปรษณีย์ไทย นนทบุรี พบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเงิน หมายเลขทะเบียน 8 กน 7775 กรุงเทพมหานคร มีร่องรอยเฉี่ยวชนบริเวณกันชนด้านขวา ส่วนคนขับยืนรอให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามนายจิรกิตติ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี คนขับรถกระบะ (เสื้อสีฟ้า) กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถมาทางตรงมุ่งหน้าแยกแคราย คู่กรณีเสียหลักข้ามเกาะกลางมาชนหน้ารถตน ตนพยายามหักหลบแล้วแต่ไม่พ้น ชนตรงเสาตอม่อพอดี คนขับกระเด็นออกมา ตนเข้าไปดูตอนแรกยังขยับตัวอยู่ สักพักนอนแน่นิ่ง ตอนนี้ได้เรียกประกันรถมาแล้ว ส่วนคู่กรณีจะขับขี่มาเร็วหรือไม่เร็ว ตนไม่เห็น มาเห็นอีกทีมาถึงหน้ารถแล้ว

น.ส.มุกดา วิภาสกรกิจ อายุ 21 ปี แฟนสาว กล่าวว่า ตอนเช้าตนยังไม่ตื่น แฟนตื่นก่อน กำลังจะไปทำงานที่ปากเกร็ด ปกติแฟนของตนจะมาทำงานคนแรก วันนี้ 10 โมงแล้ว ตนเห็นแฟนยังไม่มาสแกนนิ้ว คิดแล้วว่าแฟนต้องเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะเวลาแฟนเป็นอะไรนิดหน่อย ก็จะโทรฯ หาตน แต่วันนี้ไม่ได้โทรฯ หา ซึ่งก่อนวันหวยออก ตนมีลางสังหรณ์ ฝันเห็นเตี่ยแฟนตาย ตนเลยบอกแฟนว่าอายุย่าง 24 ปี ใกล้เบญจเพสให้แฟนไปทำบุญ แต่ไม่ยอมไป พอตนรู้ว่าแฟนเสียชีวิต รีบนั่งรถมาดู แต่ตนไม่กล้าเข้าไป ไม่อยากเห็นภาพแฟนเจ็บ แฟนตนเป็นคนขี่รถเร็ว และรถบิ๊กไบค์เครื่องแรง แต่ตนซ้อนท้ายไม่เคยเกิดอุบัติเหตุสักครั้ง รถของแฟนตนยังไม่ได้ถ่ายน้ำมันเครื่อง มีคนเห็นเหตุการณ์บอกว่า เห็นแฟนของตนก้มลงไปดูรถ คาดว่ารถมีปัญหาก่อนที่รถจะล้มเสียชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป