กระแสสังคมที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาฬสินธุ์ กรณีผลกระทบและความเดือดร้อน ซึ่งเป็นผลพวงจากการทิ้งงาน 8 โครงการงบประมาณกว่า 545 ล้านบาทของกรมโยธาฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจนในส่วนของการแก้ไขปัญหา ถึงแม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานลงพื้นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด หรือแม้แต่ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าของโครงการ เคยชี้แจงว่า จะได้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาทำงานต่อตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67 และได้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุ กระทรวงการคลังกับ 2 หจก.ทิ้งงานไปแล้วก็ตาม แต่ถึงวันนี้ ยังไม่ได้แสดงหลักฐาน ที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมายืนยันเป็นทางการ และยังไม่มีผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาเลย นั้น

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 68 ที่ จ.ร้อยเอ็ด ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษา กมธ.ป.ป.ช. เปิดเผยว่า การติดตามปัญหาโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำเมืองกาฬสินธุ์ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ที่อยู่ในเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.กมลาไสย อ.ฆ้องชัย จำนวน 8 โครงการของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย งบประมาณ 545 ล้านบาท แต่สร้างปัญหาให้กับประชาชน จนชาวบ้านประณามว่า โครงการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร กมธ.ป.ป.ช. ยังคงเดินหน้าตรวจสอบติดตาม เพราะยังไม่มีความชัดเจนในการรายงานข้อเท็จจริงจากกรมโยธาฯ แต่อย่างใด อีกทั้งปัญหานี้ประชาชนได้ร้องเรียนมาตลอด 1 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 2567 ถึง ปี 2568 ที่ผ่านมา ปัญหา 7 ชั่วโคตรนี้ ก่อนหน้าที่ตนจะมารับตำแหน่ง กมธ.ป.ป.ช. ได้เคยรับทราบปัญหาการร้องเรียน ที่มีการตรวจสอบ และมีหน่วยงานองค์กรอิสระประกอบด้วย ป.ป.ท.-ป.ป.ช.-สตง. เข้าตรวจสอบแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ชัดเจน จนมีการประชุมไปเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ที่ห้องประชุม กมธ.ป.ป.ช.

ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า การตรวจสอบของ กมธ.ป.ป.ช. มีจุดประสงค์ในการติดตามตรวจสอบ แบบคู่ขนานกับ องค์กรอิสระ ก่อนที่จะทำการสรุปรายงานไปยังสภา ซึ่งล่าสุดที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. ได้มีมติให้ สตง. ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 8 โครงการให้กระจ่าง เนื่องจาก กมธ. มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเบิกจ่าย การติดตามควบคุมงาน ไปจนถึงการยกเลิกสัญญา เพราะมีความล่าช้า โครงการนี้เป็นโครงการที่ไม่ได้มัดรวมกันในการจัดซื้อจัดจ้าง 545 ล้านบาท แต่เป็นการทยอยประกาศจัดซื้อจัดจ้างทีละโครงการ อีกทั้งผลการประชุมพบว่ามีเพียง 2 หจก. เป็นคู่สัญญากับ กรมโยธาฯ เท่านั้น แบ่งเป็น หจก.ประชาพัฒน์ได้ 2 โครงการ และ หจก.เฮงนำกิจ ได้ 6 โครงการ แต่ก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว สิ่งนี้ทำให้ กมธ.ป.ป.ช. มีข้อสงสัยหลายประเด็น และบทสรุปครั้งนั้น กมธ.ป.ป.ช. ได้เรียกเอกสารทั้งหมดจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง มาพิจารณาต่อไป

“เรื่องนี้ กมธ.ป.ป.ช.หลายคนให้ความสนใจ เป็นผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนจริงและเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ตามรายงานของรองผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขต 12 ที่ได้เข้ามาชี้แจง ก็พบว่า ก่อนหน้าที่จะเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อปี 2565 ทราบปัญหานี้และเคยลงไปตรวจสอบแก้ไขปัญหา ทำให้รู้ว่าเจตนาของผู้รับจ้าง เหมือนกับจะไม่ต้องการทำงานตั้งแต่แรก เนื่องจากภายหลังการเบิกจ่ายเงินแอดวานซ์ 15% ก็เริ่มที่จะไม่เข้าทำงาน อีกทั้งช่างควบคุมงานที่เป็นเอกชนก็ยังรายงานชี้แจงในทำนองเดียวกันกับผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จึงเป็นข้อสงสัยที่จะเรียกเอกสารมาชี้แจง ทั้งนี้ยัง กมธ.ป.ป.ช. ยังรอผลการพิจารณาการประกาศเป็นผู้ทิ้งงานจากกรมบัญชีกลาง ให้ 2 หจก.เป็นผู้ทิ้งงานในสิ้นเดือนนี้ด้วย“ ดร.ฉลาด กล่าวในที่สุด

ด้านนายสุทัศน์ เงินหมื่น ประธานที่ปรึกษา กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า ข้อสังเกตที่น่าสนใจเป็นเรื่องการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบราชการ แต่จากรายงานพบว่า ผู้บริหารจังหวัดในยุคปัจจุบันไม่ให้ความสนใจที่จะเข้าไปดูแลประชาชนเท่าที่ควร และกรณีนี้ยังมีประเด็นการข่มขู่ พระ ชาวบ้าน จึงเป็นไปได้ว่า กมธ.ป.ป.ช. จะเชิญผู้บริหารจังหวัดเข้ามาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย ส่วนประเด็นการก่อสร้างที่ส่อไปในทางทุจริตคงจะต้องรอการตรวจสอบเอกสารของกรมโยธาฯ ที่จะส่งมายัง กมธ.ป.ป.ช. ในวันที่ 24 มกราคมนี้

ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ปัญหา 7 ชั่วโคตร สิ่งที่ปรากฏคือเศษซากการก่อสร้าง กองหิน กองดิน เสาเข็ม ขยะ เหล็กแหลม หลุมบ่อ น้ำเหม็น ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวเมืองกาฬสินธุ์ต่อเนื่อง ข้ามเดือนข้ามปี ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขณะที่ความสุขทางใจ รวมทั้งสุขภาพจิต ก็ถูกบั่นทอนลงทุกวัน เพราะชาวบ้าน พระเณร ผู้นำท้องถิ่น ที่ออกมาร้องทุกข์ ผ่านหน่วยงานตรวจสอบ ถูกผู้มีอำนาจคุกคาม จนสร้างความหวาดผวา ไม่กล้าออกมาเรียกร้องอีก อีกทั้งจากสภาพอากาศในฤดูหนาวนี้ ที่อุณหภูมิลดต่ำลงมาก บางวัน 8-9 องศาฯ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูฝนปีนี้มาเร็ว และอาจจะเกิดภาวะน้ำชีหนุนสูง ท่วมฉับพลัน ที่จะส่งผลให้จุดก่อสร้างโครงการ 7 ชั่วโคตรทั้ง 8 โครงการ ได้รับผลกระทบซ้ำอีก

นายบรรจง เขตผดุง รองประธานสภา อบต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี หลังวัดใหม่สามัคคี กล่าวว่า รู้สึกงุนงงกับการวางตัวอย่างนิ่งเฉยของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย กับปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานงานดังกล่าว ทั้งๆ ที่ผู้รับจ้างได้เบิกเงินแอดวานซ์ และเงินตามงวดงานมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนเบิกจ่ายกันตามปกติของการรับเหมาก่อสร้างทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว ปริมาณงานได้น้อยนิดมาก หากเทียบกับเม็ดเงินที่เบิกจ่ายไปในแต่ละงวด จนมาถึงยุคนี้ งบประมาณมากมายมหาศาล ทำไมต้องมาละลายไปอย่างไร้ค่าเช่นนี้ เหมือนยังไม่มีมาตรการใดๆ กับผู้รับจ้างทิ้งงาน และเบิกเงินไปใช้จ่ายแล้วสบายใจเฉิบ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เคยเกิดปัญหาพนังน้ำชีแตก น้ำทะลักท่วมพื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง บางจุดทรุดพังเป็นระยะทางยาว ต่อมาหลังน้ำลดชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ก็ได้ช่วยกันกระตุ้นอำเภอ จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนได้ทันการ ไม่มีปัญหาทิ้งงานให้คาราคาซังข้ามปีข้าม พ.ศ. และซื้อเวลาเหมือน 8 โครงการ 7 ชั่วโคตรนี้ แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาอย่างที่เห็นเป็นอยู่อย่างนี้ ตนและพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าคนกาฬสินธุ์ทั้งจังหวัด ก็คงจะงวยงงสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองเรา ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรกันอยู่

“ปัญหาที่สะสมมา 4-5 ปี โดยที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา เหมือนไม่เด็ดขาดกับผู้รับจ้างรายเก่าที่ทิ้งงาน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านชาวเมืองกาฬสินธุ์รู้สึกสิ้นหวัง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่รู้สึกเสียดายงบประมาณแผ่นดิน ที่เป็นเงินภาษีของประชาชนคนไทย ก็อยากจะวิงวอนไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศ ช่วยจัดการปัญหาตรงนี้ด้วย อย่าให้ถึงขนาดต้องสาปแช่งคนกินบ้านกินเมือง และผลาญงบประมาณนี้ไปแล้ว ยังอยู่อย่างลอยนวล” นายบรรจง กล่าวในที่สุด.