เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่รัฐสภา นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่ชัดเจน แม้จะแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ร่วมเป็นคณะกรรมการนโยบาย แต่กลับไม่มีบทบัญญัติใดที่ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของ ปปง. ในการตรวจสอบหรือกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวกับกาสิโน ซึ่งอาจกลายเป็นช่องทางให้กลุ่มทุนผิดกฎหมายใช้ประโยชน์  นอกจากนี้คณะทำงานจำนวน 11 คน  มติ ครม.เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2567 ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการฟอกเงินหรือการจัดการผลกระทบทางสังคมแม้แต่คนเดียว อีกทั้งยังพึ่งพาผู้ประกอบการระดับโลกโดยไม่มีการกำกับที่เพียงพอ  การที่รัฐบาลมอบความไว้วางใจกับเอกชนโดยไม่มีการกำกับดูแลจากภาครัฐอย่างขัดเจน อาจถือเป็นการละเลยหน้าที่ของรัฐ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการฟอกเงิน

นายนนท์ กล่าวอีกว่า ขอฝากถึงรัฐบาลการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และกาสิโน ควรทำให้รัดกุม รอบด้าน ไม่ให้เป็นแหล่งฟอกเงินของมิจฉาชีพ และรัฐบาลควรสร้างกลไกป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยกาสิโน ควรต้องมีการรายงานธุรกรรมการเงิน ควรกำหนดกฎหมายการทำ KYC ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลก เป็นกระบวนการที่ใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนลูกค้า รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงของลูกค้า หรือ  CDD ประเมินความเสี่ยงและความโปร่งใสของลูกค้า

“ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ากฎหมายที่รัฐบาลผลักดันนี้ จะช่วยแก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหาให้กับประเทศ หรือบทบาทของรัฐบาลมีเพียงแค่สนับสนุนทุกอย่างที่พ่อนายกฯ เสนอโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา ขนาดมีกฎหมายการรายงานธุรกรรม สถาบันการเงินยังไม่ทำตามเลย แล้วนี่ทำกฎหมายกาสิโน แต่ไม่เขียนมาตรการไว้ในตัวบทกฎหมาย ใครที่ไหนจะทำให้คุณ รัฐบาลต้องทำให้ดีกว่านี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน” นายนนท์ กล่าว ทั้งนี้ นายนนท์ ยังกล่าวด้วยว่า ในฐานะตนเคยร่วมเป็นกรรมาธิการรายงานศึกษาการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของสภา ในรายงานผลการศึกษาที่เสนอไปยัง ครม.มีข้อเสนอแนะต่างๆ อาทิ ต้องมีขนาดใหญ่ โรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาว มีสปา แหล่งบันเทิง ห้างร้านชอปปิง แต่จากที่ดูในบัญชีแนบท้ายร่างกฎหมายของ ครม.ได้ตัดลดสิ่งเหล่านี้ทิ้งแทบหมด และลดขนาดลงเพื่อให้ครบตามที่เสนอมาเท่านั้น  ตนเกรงว่าสุดท้ายก็คงจะยกกาสิโนของกัมพูชามาไว้ที่บ้านเรา.