เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขตตรวจที่ 12 เปิดเผยว่า ปัญหานี้ได้รับทราบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ตนเข้ารับราชการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในปี 2565 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านรายการผู้ว่าพบประชาชน แม้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องเข้าบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เนื่องจากปัญหาการก่อสร้างที่กระทบต่อชุมชน เมื่อเข้าตรวจสอบก็พบผู้รับจ้างเข้าทำงานแบบกกะปริบกะปรอยที่ชาวบ้านพูด หรือเข้าทำงานไม่เต็มที่ โดยเฉพาะที่บริเวณถนนใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะถนนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เวลาฝนตกน้ำก็ท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชน

ขณะนั้นจึงได้ประสานงานไปยังผู้รับจ้าง และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าทำถนนเปิดช่องถนนที่ถูกเปิดเอาไว้ แต่ตนจำเป็นที่ต้องเข้ากำกับควบคุมดูแลตามอำนาจหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องแก้ปัญหาให้ประชาชน และยังได้รับความอนุเคราะห์จากนายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ นำเครื่องจักรกำลังคนเข้าแก้ไขทำให้ถนนสัญจรไปมาได้ และอีกจุดในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ที่ได้แก้ไขคือ บริเวณถนนเลี่ยงเมือง ก่อนที่ผู้รับจ้างจะเข้าทำงานตัดถนนทั้งสองฝั่งเพื่อยับยั้งความเสียหาย ตนก็ได้ขอร้องเอาไว้ โดยแนะนำให้ตัดถนนทำงานทีละเส้นทาง แต่การก่อสร้างบริเวณนี้ก็ไม่สามารถทำการก่อสร้างได้แล้วเสร็จเหมือนกัน

จนเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 อธิบดีกรมโยธาฯ ขณะนั้น มาตรวจสอบจึงได้เรียก “ผู้รับจ้าง” เข้ามาชี้แจง ก็เหมือนกับเป็นการทำทัณฑ์บนเอาไว้ แต่หลังจากที่ตนย้ายออกไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ถึงปัจจุบัน การก่อสร้างก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องนี้ไม่ได้กล่าวหาเพราะเป็นความจริง ที่ผู้รับจ้างไม่ก่อสร้างตามแบบรูปทางโยธาจังหวัดฯ ก็รับทราบปัญหานี้ดี จนมาในปี 2567 ตนเป็นผู้ตรวจราชการฯ พี่น้องประชาชนได้เข้ามาร้องทุกข์อีก จึงได้ขอความร่วมมือให้ นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ นำเครื่องจักรไปเอาเหล็กที่เสียบตามท่อไว้ออกไปก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ในบางจุด ซึ่งการแก้ไขไม่ใช่ฝีมือผู้รับจ้าง แต่เป็นส่วนของท้องถิ่นที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

“ตนเห็นใจพี่น้องประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ และรู้สึกเห็นใจกรมโยธาฯ มาก ปัญหาการทิ้งงานได้สร้างผลกระทบให้กับหน่วยงานและประชาชน ที่ดูแล้วการก่อสร้างทั้งหมด 8 โครงการนี้ ผู้รับจ้าง 2 หจก. ยังเป็นเครือข่ายเดียวกัน ถือเป็นเครือข่ายใหญ่ที่ชาวกาฬสินธุ์รู้กันดี แต่หลังจากปี 65 เป็นต้นมา ผ่านพ้นโควิด ก็ควรที่จะเข้าทำงานมากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึงปัญหาการก่อสร้างที่มีการเปิดหน้าถนนว่าจะมีปัญหาอุบัติเหตุหรือไม่ เพราะการเปิดถนนทำท่อระบายน้ำเกิดขึ้นตามโครงการหลายจุดของโครงการนี้ โดยเฉพาะถนนข้างศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์หลังใหม่ ก็เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน น่าเห็นใจพี่น้องชาวกฬสินธุ์ เพราะจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดกลางๆ ไกลปืนเที่ยงก็ว่าได้ เมื่อได้รับงบประมาณก็หวังที่จะได้รับการพัฒนา จึงขอฝาก ปธ.กมธ.ป.ป.ช. พิจารณาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วย” นายศุภศิษย์ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำ กมธ.ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ปัญหานี้หลายๆ ปัญหา หลายๆ ประเด็น คาดหวังว่า สตง. ต้องตอบปัญหานี้ให้ประชาชนหายข้องใจ โดยเฉพาะข้อสังเกตประเด็นการบริหารสัญญาทั้งหมด เพราะในข้อสัญญากำหนดไว้ชัดเจนว่า หากงานจะไม่แล้วเสร็จตามสัญญาตามแบบรูปสัญญาได้กำหนดไว้ชัดแจ้งอยู่แล้ว ก็สามารถที่จะยกเลิกได้เลย แม้ว่าจะอ้างโควิด แต่เวลาก็ล่วงเลยมายาวนานจนเกิดความเสียหาย ผู้ควบคุมงานต้องกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องดำเนินการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ข้อสังเกตอยู่ที่ว่าผู้ควบคุมงานต้องมีการเบิกเงินค่าจ้างควบคุมงาน การเบิกเงินนั้นมีความสัมพันธ์กับการตรวจงานหรือไม่ ในอดีตสิ่งที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งที่ไหน สุดท้ายตลิ่งก็จะป้องกันเขื่อน สุดท้ายก็พังลงมาทุกครั้ง ดังนั้นการตรวจสอบ สตง. ต้องตรวจสอบคู่ขนานร่วมกัน อนุ กมธ.ป.ป.ช. มีประเด็นปัญหาปรึกษากันได้ เพราะต้องมีคำตอบให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนได้ลงไปดูพื้นที่สภาพที่เห็น ไม่พบการก่อสร้างเท่าที่ควร แทนที่การก่อสร้างจะต้องป้องกันตลิ่ง กลายเป็นว่าวัดบริเวณก่อสร้างต้องอยู่อย่าหวาดระแวง การตรวจสอบของ สตง. ต้องให้ผลตรวจสอบนั้นออกมาโดยเร็ว

ด้าน ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ชาวกาฬสินธุ์ประณามก่อสร้าง “7 ชั่วโคตร” เป็นปัญหาการก่อสร้างที่เห็นเป็นประจักษ์ เห็นได้ด้วยสายตา เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว กมธ.ป.ป.ช. มีหน้าที่แก้ไขปัญหาร่วมกัน ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญต่อกระบวนการก่อสร้าง ปัญหาสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือ เอกสารการควบคุมงาน ที่เป็นผลให้เกิดปัญหาในการทิ้งงาน การตรวจเยี่ยมที่ จ.กาฬสินธุ์ ตนสงสารวัดที่อยู่ริมตลิ่ง ผู้รับจ้างทำแนวก่อสร้างเอาไว้ มองด้วยเจตนาดี การทำงานเป็นมืออาชีพ แต่เมื่อได้งานคนเดียว 8 สัญญา โครงการใหญ่ก็ต้องทำให้เสร็จ แต่ก่อสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องหาผู้รับผิดชอบทั้งหมด เพราะนี่คือเงินภาษีของประชาชน

“ตนยืนยันว่าการแก้ไขปัญหานี้คือโมเดลกาฬสินธุ์ ป้องกันปราบปรามการทุจริตของ กมธ.ป.ป.ช. ที่จะใช้เป็นบรรทัดฐานให้กับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะในส่วนกลางที่มีการประมูลงานจ้าง จากนั้นก็ไปทำในพื้นที่ภูมิภาค เพื่อป้องกันปัญหาการทิ้งงานภายหลังจากการติดตามตรวจสอบทั้งหมดแบบคู่ขนานกับ สตง. จนหมดข้อสงสัยแล้ว กมธ.ป.ป.ช. จะพิจารณาสรุปเรื่องส่ง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป” ดร.ฉลาด กล่าว