ในช่วงที่ข่าวคราว “นอกใจ” มือที่สามในความสัมพันธ์ของคนดังอย่างนักร้องดัง “แสตมป์ อภิวัชร์” ออกมาเล่าเหตุการณ์สุดตกใจว่าตนเองและคุณนิว ภรรยาสาว ถูกคุกคามจากคน 2 คน แต่ภายหลังได้ออกมาขอโทษพร้อมยอมรับว่ามีการนอกใจเกิดขึ้น จนทั้งสังคมไทยต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ทางด้าน นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้ออกมาโพสต์ให้ความรู้ถึงการนอกใจว่าเหตุใดมนุษย์ถึงมีพฤติกรรมดังกล่าว ผ่านทางแฟนเพจ “คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา” โดยระบุว่า “ในทางจิตวิทยาแล้ว ทั้งที่รู้ว่าผิด แต่ทำไมมนุษย์ยังนอกใจ?” การนอกใจเป็นพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับศีลธรรมและความคาดหวังในความสัมพันธ์ แต่กลับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมทุกยุคทุกสมัย หากมองผ่านมุมมองทางจิตวิทยา มีหลายปัจจัยที่อธิบายได้ว่าทำไมมนุษย์ถึงยังคงนอกใจ…

1.เสน่ห์ของสิ่งต้องห้าม (Forbidden Fruit Effect) : งานวิจัยพบว่า ความรู้สึกท้าทายและตื่นเต้น ที่มาพร้อมกับการทำสิ่งที่ต้องห้าม สามารถกระตุ้นระบบโดปามีนในสมองได้ การนอกใจมักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ผิดและต้องห้าม ในระดับจิตใต้สำนึกแล้วมันมักกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและเพิ่มแรงดึงดูดในความสัมพันธ์แบบนี้ การนอกใจจึงมักมาพร้อมกับความรู้สึกที่ตื่นเต้นและความหอมหวานที่เกิดจากสิ่งใหม่ๆ (แต่ในระยะยาว ความรู้สึกผิดและผลกระทบทางจิตใจมักจะตามมา)
2.ความเบื่อหน่ายในความสัมพันธ์ : ความสัมพันธ์ระยะยาวอาจทำให้เกิดความรู้สึกซ้ำซากและขาดความตื่นเต้น งานวิจัยพบว่า 40% ของผู้ที่นอกใจบอกว่าพวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจในชีวิตคู่และมองหาความตื่นเต้นจากภายนอก ความเบื่อหน่ายนี้กระตุ้นให้หลายคนเสาะหาประสบการณ์ใหม่เพื่อเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์และร่างกาย
3.ความต้องการการยอมรับ (Validation) ในบางกรณี การนอกใจเกิดจากความต้องการความมั่นใจในตัวเอง หรือการได้รับการยอมรับที่พวกเขาอาจไม่ได้รับจากคู่รักของตนเอง ในผู้ที่มีความนับถือตนเองต่ำ (Low Self-Esteem) มักมีแนวโน้มที่จะนอกใจเพื่อแสวงหาความมั่นใจ
4.ปัจจัยทางชีววิทยา : ฮอร์โมนโดปามีน และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอาจมีบทบาทในการกระตุ้นพฤติกรรมเสี่ยงเช่นการนอกใจ นอกจากนั้นในแง่วิวัฒนาการ มีทฤษฎีที่เสนอว่า การนอกใจอาจเป็นผลมาจากการที่มนุษย์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มโอกาสในการสืบพันธุ์ และนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มก็ยังเชื่อว่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็น Monogamy (ครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต)
5.วัฒนธรรมและค่านิยมในสังคม : ในบางวัฒนธรรม การนอกใจอาจไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดเสมอไป แต่ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ
6.การขาดทักษะการสื่อสาร : ความขัดแย้งที่ไม่ได้รับการแก้ไขในความสัมพันธ์ หรือความไม่สามารถสื่อสารความต้องการของตัวเองได้ อาจนำไปสู่การนอกใจ โดย 70% ของคู่รักที่ประสบปัญหาการนอกใจ ระบุว่าการสื่อสารที่ไม่ดีเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา