เมื่อวันที่ 20 ม.ค.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้ถามของสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องปกติของทุกสมัย เป็นทริคหรือเทคนิคทางการเมืองของฝ่ายค้านที่ต้องถามนายกฯ ไว้ก่อนเท่านั้น 

นายณัฐชา กล่าวว่า น่าเสียดายที่นายวิสุทธ์ เคยเป็นถึงรองประธานสภามาก่อน ในบางครั้งต้องทำหน้าที่ในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย น่าจะเข้าใจถึงความสำคัญของการตั้งกระทู้ถามในสภามากกว่านี้ แต่กลับมีทัศนคติคับแคบ ด้อยค่า และดูถูกเสียงของ สส.ที่เป็นตัวแทนเสียงของประชาชนที่นำปัญหา นำความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนมาบอกกล่าว หรือตั้งคำถามแทนในเรื่องที่สงสัยผ่านกลไกของสภา ซึ่งหลายครั้งคำตอบเหล่านี้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังถือเป็นการตรวจสองถ่วงดุลรัฐบาลอีกทางหนึ่ง นี่ต่างหากคือกลไกปกติของระบบการเมืองแบบรัฐสภา

นายณัฐชา กล่าวว่า นายวิสุทธ์ จะเอานิสัยของตัวเองสมัยเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านมาประจานการทำงานของตัวเองก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าเอาไปรวมกับการทำหน้าที่ของเพื่อน สส. ด้วยกัน เพราะสำหรับพรรคประชาชนไม่ว่าการตั้งคำถามต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายเศรษฐา ทวีสิน  อดีตนายกรัฐมนตรีหรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล้วนเป็นการตั้งคำถามในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง จึงจำเป็นต้องถามไปที่นายก ฯ ไม่ใช่ทริคหรือเทคนิคอย่างที่ท่านอ้างพล่อยๆ

“เราเข้าใจดี ว่าท่านนายกฯ อาจจะมีภารกิจบ้าง ทำให้มาตอบสภาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราเจอคือไม่มาตอบเลย และหลายครั้งรัฐมนตรีที่มอบหมายก็ไม่มาทั้งที่บางเรื่องต้องการคำตอบเร่งด่วน ข้ามไปอีกสัปดาห์ก็ไม่ทันต่อปัญหาแล้ว ถ้าท่านที่เคยเป็นรองประธานสภาแล้วยังไม่เข้าใจอีก ว่าการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องไร้ความรับผิดชอบอย่างไร อยากให้ลองไปสอบถาม นายสุชาติ  ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ ชุดก่อนเพราะตอนนี้กลับมายู่พรรคเดียวกับท่านแล้วไปถามดูว่าทำไมจึงเคยเตือนจากบัลลังก์ประธานสภาไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ ว่าการไม่ตอบกระทู้คือการไม่ให้เกียรติสภา ยิ่งถ้าไม่มาตอบเองคนที่สั่งก็ต้องมาตอบได้ ถ้ามาไม่ได้ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบด้วยใช่หรือไม่ แต่พอยุคท่านคนถูกสั่งก็ไม่มาเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าพอไปรวมกันแค่ปีกว่าๆ เรื่องไร้ความรับผิดชอบแบบเดียวกันจะสืบสันดานถึงกันได้ง่ายขนาดนี้ แต่สิ่งที่แย่กว่าคือบอกว่าสิ่งนี้คือเรื่องปกติ”นายณัฐชา กล่าว 

นายณัฐชา ยังย้ำว่า การที่นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้สภาแม้แต่ครั้งเดียวไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน และไม่ใช่แค่ไม่ให้เกียรติสภาเท่านั้นแต่ยังหมายถึงการทำให้การแก้ปัญหาของประชาชนถูกละเลยด้วย 

“การที่เรามี นายกฯ ที่ไม่มารับรู้ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและข้อสงสัยของพี่น้องประชาชนผ่านกลไกของสภาโดยการตั้งกระทู้แล้วยังมีหน้ามาอ้าปากพูดคำว่าเป็นเรื่องปกติของทุกยุคทุกสมัย นี่แหละครับพี่น้องประชาชนที่เราต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองรูปแบบใหม่ ต้องให้นักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในสภาเพิ่มขึ้น เพราะพวกรุ่นเก่ายุคเก่ามองเรื่องผิดปกติกลายมาเป็นเรื่องปกติไปหมดมองเรื่องที่ไม่ถูกไม่ต้องไม่ควรทำเป็นเรื่องที่ใครใครเขาก็ทำกัน ด่าว่ารัฐบาลก่อนอย่างไร แต่พอตนเองมาเป็นรัฐบาลก็ทำอย่างรัฐบาลก่อนหน้าที่ตนเองเคยด่าว่าไว้ไม่ผิดเพี้ยน หลักการรักษาไว้ไม่ได้ น้ำลายตัวเองมีไว้แค่กลืนแบบนี้ จึงเป็นเรื่องน่าอับอายแทนประเทศชาติจริงๆ ” นายณัฐชากล่าว.