หากเอ่ยชื่อผัก “กระถิน” เชื่อว่าหลายคนคงชอบกินอย่างแน่นอน นอกจากเป็นผักสมุนไพร ผักสวนครัวรั้วกินได้  เพราะ มากด้วยประโยชน์

สรรพคุณของกระถิน

– ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

– กระถินมีฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูก

– ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต

– กระถินอุดมไปด้วยวิตามินเอ จึงช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้ ช่วยบำรุงหัวใจ

– ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ

– ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้ท้องร่วง

แต่บางคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า เจ้าผักริมรั้วนี้ ก็มีข้อควรระวังในการกินเช่นกัน

กระถินสามารถดูดซึมซิลิเนียมจากดินมาสะสมไว้ได้ในปริมาณมาก เมื่อเรากินกระถินเข้าไปมากๆ หรือรับประทานเป็นประจำ อาจจะทำให้เกิดพิษขึ้นในร่างกายได้ เช่น มีอาการผมร่วงง่าย อาการทางผิวหนัง ผิวบวมแดงลอก

แม้ว่ากระถินจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรระมัดระวังในการกินใบ เพราะในส่วนเมล็ดและใบอ่อนของกระถินนั้น พบสารมิโมซีนในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารพิษจะทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร ต่อมไทรอยด์โต เกิดโรคคอหอยพอก มีอาการทางประสาท แต่สามารถลดสารนี้ลงได้จากการแช่น้ำหรือการต้มก่อนนำมารับประทาน

ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ จะต้องงดเว้นหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานยอดกระถิน เพราะมีกรดยูริกสูงอาจทำให้อาการของโรคเกาต์กำเริบหนักได้ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกระถิน เนื่องจากกระถินมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมเกิน ซึ่งจะทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น

นอกจากนี้ กระถินสามารถสังเคราะห์สารพิษมิโมซีน (mimosine : ß-N-(3-hydroxy 4-pyridone)-oe-amino propionic acid) ซึ่งเป็นสารเคมีโครงสร้างคล้ายกรดอะมิโนไทโรซีนมีผลในการยับยั้งการสร้างโปรตีน และลดการย่อยได้ของโปรตีน พิษของมิโมซีน คือ มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง ต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ มีอาการทางประสาท มีปัญหาของระบบสืบพันธุ์

ผลจากสารมิโมซีนที่เป็นสาเหตุทำให้ต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ในสัตว์เคี้ยวเอื้อง เนื่องจากสารมิโมซีนสามารถเปลี่ยนเป็น 3,4-dihydroxypyridine (DHP) ได้โดยจุลินทรีย์ สารนี้จะทำหน้าที่คล้าย goitrogen ที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมน Thyroxin ทำให้ต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ตามมาได้

การให้ความร้อนทั่วไป เช่น การต้ม และการผึ่งแดด ซึ่งพบว่า การผึ่งแดดประมาณ 11 ชั่วโมง สามารถลดสารมิโมซีนในกระถินยักษ์ได้ 51.13% และในกระถินพื้นเมืองลดได้ 33.8% ดังนั้น การผึ่งแดดจึงเป็นวิธีการที่นิยมสำหรับนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ ส่วนการนำมารับประทานมักใช้วิธีการต้มหรือลวกผ่านนำร้อนก่อนจึงจะลดสารมิโมซีนได้ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก นายธีรภัทร อัตวินิจตระการ ตำแหน่ง นายแพทย์ชำนาญการ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย