เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา นำโดย พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธาน กมธ. คนที่หก นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว. ที่ปรึกษา กมธ. และนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ที่ปรึกษา กมธ. ร่วมแถลงถึงผลการพิจารณาการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนต่อประเทศ หลังเกิดกรณีนักแสดงชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ซึ่งมีประเทศไทยเป็นจุดเกิดเหตุ ซึ่งเชิญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและตำรวจท่องเที่ยวเข้าชี้แจง

พล.ต.ต.อังกูร กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น พบว่ามีการสร้างข่าวเท็จว่ามีตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 30 แต่ข้อเท็จจริงแล้วมีเพียง ร้อยละ 10 เท่านั้น อย่างไรก็ดี การลดลงดังกล่าวถือว่าไม่สมควร ทั้งนี้ในกรณีต้นเหตุของปัญหาที่หลายฝ่ายมองว่าเกิดจากนโยบายของรัฐบาลเรื่องฟรีวีซ่า และมีข้อเรียกร้องให้ทบทวนนั้น ตนมองว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณา โดยการเปิดฟรีวีซ่ามีทั้งผลบวกและลบ เช่น จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาง่าย แต่หากคัดกรองไม่ดีอาจทำให้คนไม่ดีเข้ามาได้ง่ายด้วย และแม้จะไม่เปิดฟรีวีซ่า คนไม่ดีสามารถเข้ามาได้เช่นเดียวกัน
“การฟรีวีซ่าไม่ทำให้เกิดอาชญากรรมในประเทศ แต่จะเป็นส่วนที่ทำเงินตรา และประโยชน์จะได้รับคือการท่องเที่ยวที่ดี แต่ที่กังวลต้องไม่มีคนไม่ดีเข้ามาต้องกำกับให้ได้” พล.ต.ต.อังกูร กล่าว
ขณะที่นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า นโยบายฟรีวีซ่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะส่งเสริมนักท่องเที่ยว แต่ต้องคัดกรองให้เข้มข้น เช่น ในชั้นของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องชี้แจงตั๋วโดยสาร ทั้งไปและกลับ พ็อกเกตมันนี่ รวมถึงแพลนการท่องเที่ยว การพักอาศัย เป็นต้น
“นโยบายฟรีวีซ่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจหลักคือการท่องเที่ยว แต่มีสิ่งที่รัฐบาลต้องทำเพิ่มคือ การคัดกรอง ที่ต้องร่วมมือจากหลายหน่วยงาน นอกจาก ตม. แล้วคือ การท่าอากาศยาน ที่ต้องช่วยดูเรื่องรถตู้โดยสารที่เข้ามารับนักท่องเที่ยว ต้องตรวจสอบว่ามารับใคร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร” นายพิสิษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่า กมธ.ท่องเที่ยว ได้ศึกษาหรือไม่ว่า ประเด็นจีนเทามีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยหรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า กมธ. ได้เชิญหน่วยงานได้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อรับทราบปัญหาที่แท้จริง ทั้งนี้จะศึกษาเรื่องดังกล่าวโดยตรง โดยเฉพาะการเปิดฟรีวีซ่าต้องคัดกรองอย่างไร เพื่อให้ได้การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและได้ปริมาณของนักท่องเที่ยว
ส่วน นางประทุม กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับนโยบายฟรีวีซ่า แต่ต้องคัดกรอง ปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่คือมิจฉาชีพที่มาในคราบของนักท่องเที่ยว และอาศัยอยู่ในประเทศเกินกำหนด เช่า ห้องพัก ในพูลวิลล่า คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร เพื่อประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และฟอกเงิน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ บังคับใช้กฎหมายเต็มที่ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการให้เช่าที่พักอาศัย หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบ อย่าเห็นแก่ได้

พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ได้ประชาสัมพันธ์แอพพลิเคชั่น thailand tourist police ที่จะทำขึ้นเพื่อประสานกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในการอำนวยความสะดวกและให้บริการด้านความปลอดภัย พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจะเกิดปัญหาเรื่องการลืมของในรถแท็กซี่ ปัญหาการโก่งราคาซื้อสินค้า หรือการถูกให้หลอกเลือกสถานที่ท่องเที่ยว สามารถติดต่อประสานกับตำรวจท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้โดยเร็ว
“เหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ขอยืนยันว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว เป็นนักเที่ยวจริงๆ ไม่เคยเกิดเหตุอย่างที่เป็นข่าว สิ่งที่เป็นข่าวมา เป็นการหลอกลวงของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพิ่งออกมาจากประเทศต้นทางแล้วใช้ประเทศไทยเป็นประเทศเดินทางผ่านเพื่อไปอีกประเทศ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วถูกหลอก หรือถูกเรียกค่าไถ่ถูกจับตัวไปอย่างที่เป็นข่าว ขอให้เชื่อมั่นว่า มาเที่ยวเมืองไทยจะมีความปลอดภัย ไม่ต้องห่วงเรื่องการถูกหลอกลวง หรือการถูกลักพาตัวไป“ พล.ต.ต.กฤษณ์ กล่าว
พล.ต.ต.กฤษณ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันมีการตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว โดยบริษัทสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อยกระดับดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ประสานกับตำรวจทั่วประเทศ ส่วนการทำงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีการมอนิเตอร์ข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในโซเชียล โดยเฉพาะกรณีที่เป็นข่าวลือที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ข่าวโดยทันทีทันใด และชี้แจงข้อเท็จจริง ประชาสัมพันธ์เชิงบวก พร้อมตอกย้ำความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้.