เริ่มถูกวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ กับลีลาและเนื้อหาในการปราศรัยหาเสียงของ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้มากบารมีในรัฐบาล ในการเดินสายไปหาเสียงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ในเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เพราะหวังได้เก้าอี้มากที่สุด หลังจากมีมติส่งผู้สมัครรวม 22 จังหวัด หวังให้การประสานงานระหว่างท้องถิ่นกับฝ่ายบริหารเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่เหนือสิ่งอื่น คือ ให้เป็นกระดานหกไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งสนามใหญ่ปี 70 เพื่อหวังให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งได้เสียงเกินครึ่งของสภา หลังในการเลือกตั้งเมื่อปี 66 ต้องพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกให้กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.)

แต่ถ้าเนื้อหาการสื่อสาร ถ้ายังเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจส่งผลกระทบกับตนเองและรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะไปปลุกแนวร่วมฝ่ายต่อต้านหรือบรรดาคนที่เป็นโจทก์เก่าให้ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น เพราะไม่ยอมรับการทำงานของรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีบรรดานักร้องไปยื่นตรวจสอบทั้งนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ คือ การรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ตกลงป่วยทิพย์หรือป่วยจริง หรือหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับมือกับศึกซักฟอก ที่ฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นในปลายเดือน ม.ค.
ขณะที่คำปราศรัยตอนหนึ่งที่มองว่าดุเดือดและรุนแรง ในระหว่างการไปปราศรัยที่ จ.มหาสารคาม “เรื่องอีกเยอะ ที่ต้องการกำลังใจจากพี่น้อง วันนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ แต่กำลังใจจากพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตังค์มีเยอะแล้วไม่เดือดร้อน มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อxึxสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้งๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ๆ คำก็โกง สองคำก็โกง ก็xึxตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบxู ตอนที่xูรวย xึxยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย วันนี้ผมไม่เดือดร้อน”
แต่อย่าลืมว่า การเดินทางกลับเข้าประเทศไทย หลังไปอยู่ต่างแดนมา 17 ปี และยอมรับผิดในคดีความที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต จนทำให้ได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากจำคุก 8 ปีเหลือเพียง 1 ปี ดังนั้นการออกมาให้ข้อมูลกับสาธารณชนของอดีตนายกฯ เหมือนกับย้อนแย้งข้อเท็จจริง และอาจทำให้ไปกระตุ้นความรู้สึกไม่พอใจ ของคนที่เคยต่อต้านระบบทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวกันมากขึ้น ทำให้กลายเป็นสายล่อฟ้า เข้าทำนองแกว่งปากหาศัตรู

ด้าน “นายสมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ให้ความเห็นหลังฟังการปราศรัยหลายเวทีของผู้ช่วยหาเสียงทักษิณ ชินวัตร แล้วมีข้อสังเกตตอนหนึ่งว่า ไม่มีการพัฒนาด้านเนื้อหา โดย content ยังวนเวียนเรื่องเดิม เช่น ยาเสพติด ให้พ่อค้าเลิกขายยา หนี้ครัวเรือน เดี๋ยวจะมีเงินเต็มกระเป๋า บ่อนพนัน คอลเซ็นเตอร์ชายแดน เดี๋ยวจะไปจัดการ ทุกเวทีก็จะพูดเนื้อหาวนเวียนเท่านี้มีความเก็บกดเกี่ยวกับเรื่องราวที่ถูกกระทำในอดีต เช่น การถูกรัฐประหาร การถูกยึดทรัพย์ การถูกศาลตัดสินว่าโกง และจะไม่พอใจมากหากมีคำวิจารณ์รุนแรงถึงลูกสาวตนเอง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ต่ำลงในทุกเวที มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ โดยเข้าใจว่าเป็นลีลาปราศรัยที่คนฟังชอบ แต่ไม่นึกถึงว่าเป็นการด้อยคุณค่าและลดศักดิ์ศรีของตนเอง ประสบความสำเร็จในการกลายเป็นประเด็นข่าวเชิงลบ
ต้องรอดูว่าในวันที่ 24-25 ม.ค. “นายทักษิณ” จะเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ เพื่อช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรค พท. จะเข้มข้นดุเดือด และช่วยเพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้สูงขึ้น
คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากกรมที่ดินจะไปชดเชยให้ผู้ครอบครองที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ หลังถูกเพิกถอนให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยที่ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดินและโฉนดที่ดิน ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2308/2544 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 2544 สามารถใช้สิทธิยื่นคำฟ้อง พร้อมขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองต่อศาล หรือยื่นคำขอให้กระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ได้
ก่อนหน้านี้กรมที่ดิน ได้เคยประเมินค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยข้อมูล ณ วันที่ 2 กันยายน 2567 โดยมูลค่าตามราคาตลาดโดยการประมาณและทุนทรัพย์จำนองอยู่ที่ 7,700 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัพย์ตามมูลค่าตลาดประมาณ 7,228 ล้านบาท และทุนทรัพย์จำนอง 439.05 ล้านบาท ปัจจุบัน เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์ มีจำนวน 533 ราย และผู้รับจำนองอีก 30 ราย ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ดินดังกล่าวถูกขายต่อในราคา 500 ล้านบาท ให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) ก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้เป็นนายกฯ ในอีก 4 ปีต่อมา ในรูปแบบให้กับบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ

แต่ความเห็นที่น่าสนใจ ที่มาจาก “นายถาวร เสนเนียม” อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่นำเรื่องสนามกอล์ฟที่ดินอัลไพน์ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจเปิดโปงให้ประชาชนรู้ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ ได้ออกมาให้ความเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุยอมรับเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า ถ้ากรมที่ดินรับโอนที่ดินไม่ถูกต้อง ก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย ว่า เมื่อครั้งที่ นายเสนาะ เทียนทอง และพวก ได้เอาที่ดินของวัดมาทำเช่นนี้ พวกเขามีวัตถุประสงค์ทำนิติกรรม ที่มีความผิดเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆะ ตามมาตรา 150 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ดังนั้น กรณีนี้นายทักษิณไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย แต่วัดต่างหากที่ต้องเรียกค่าเสียหาย เพราะนายทักษิณ นำพื้นที่ของวัดไปแสวงหาผลประโยชน์ ที่เรียกว่า ลาภมิควรได้ ฉะนั้น อย่าข่มขู่คุกคาม จะบอกว่าไม่มีใครกลัวแล้ว ชีวิตของนายทักษิณ ไปรับสารภาพไว้ตลอด อย่างน้อย 4-5 คดี ที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก และคดีนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ คดี หากนายทักษิณ บอกว่าเสียหาย ก็ต้องไปพิสูจน์อีกหลายคดีว่า กรณีนี้ที่เสียหายเกิดจากการกระทำของกรมที่ดินหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทุจริตร่วมด้วย ก็ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้นๆ ไป

นายถาวร กล่าวอีกว่า ที่ดินตกเป็นของวัดโดยอัตโนมัติ คนที่ไปเปลี่ยนทะเบียนมีเจตนาทุจริต การทำนิติกรรมเป็นโมฆะขัดต่อหลักกฎหมายและศีลธรรมอันดี ต่อให้นายทักษิณไปร้องแรกแหกกระเชอให้ตายเรียกหมื่นล้าน สองหมื่นล้านก็ได้ แต่ต้องไปพิสูจน์ในศาล ไม่มีศาลใดสั่งจ่ายให้คุณ แค่นี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ ยังจะข่มขู่เอากับรัฐไทย เมื่อถามว่า ทางกรมที่ดินประเมินว่า จะต้องมีการจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย ประมาณ 7.7 พันล้านบาท นายถาวร กล่าวว่า ถ้าอธิบดีคนใดจ่ายก็ติดคุก เพราะอยู่ๆ ไม่มีอำนาจจ่ายได้อย่างไร
เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถ้าเอาเงินหลวงไปจ่ายก็ติดคุกเอง เข้าตามมาตรา 150 ถ้าจะเล่นบทมวยล้มต้มคนดู เขาเรียกร้องมา แล้วเจ้าหน้าที่รัฐนำเงินไปจ่าย ถามว่าเอาเงินจากไหน ถ้าตั้งงบประมาณแผ่นดินไปจ่ายเรื่องนี้ ก็ติดคุกกันทั้งสภา ถ้าผ่านกฎหมายงบประมาณ เรื่องนี้หากนายทักษิณเรียกร้อง กรมที่ดินต้องปฏิเสธ ต้องดูก่อนว่า การกระทำนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ และขัดศีลธรรมอันดีหรือไม่ เมื่อเรื่องนี้เป็นโมฆะกรรมจะเรียกร้องอะไร มันคือความสูญเปล่า ที่สำคัญคือการสมคบกันเอาที่ดินหลวง
นั่นหมายความว่า กระบวนการการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการถือครองที่ดินในสนามกอล์ฟ ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ และต้องไปพิสูจน์อีกหลายคดีว่ากรณีนี้ที่เสียหายเกิดจากการกระทำของกรมที่ดินหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทุจริตร่วมด้วย ก็ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้นๆ ไป

ส่วนขณะที่ข้อเสนอในการทำประชามติ การจัดตั้งกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย จับท่าที “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล คงไม่มีทางเกิดขึ้น หลังรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงไทม์ไลน์กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งทุกประเทศที่มีศักยภาพก็ทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพื่อให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้น ดีกว่าปล่อยให้มีอบายมุขทั่วเมืองเต็มไปหมด เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่าให้มีการทำประชามตินั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่วิจารณ์เรารับฟังทั้งหมด แต่ไม่อยากให้เหมือนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ใช้เวลานาน นโยบายต่างๆ ถูกดึงให้ช้าลง เพราะทุกอย่างเป็นแพ็กเกจทั้งหมดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเรื่องนี้ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งมีตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศให้การรับรองไปแล้ว จะต้องทำประชามติอะไรอีก หากความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ประเทศจะเดินหน้ายาก

สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลคงต้องการผลักดันให้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่อยากให้โครงการเดินหน้าด้วยความล่าช้า.
“ทีมข่าวการเมือง”