สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า รัฐบาลปักกิ่ง และฝ่ายบริหารสหภาพยุโรป (อียู) ในกรุงบรัสเซลส์ เผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่สุดบางประการ จากการกลับมาของทรัมป์ ซึ่งฟอน แดร์ เลเยน และนายติง เซวียเสียง รองนายกรัฐมนตรีจีน ขึ้นเวทีเป็นคนแรก ๆ ในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก “เวิลด์ อีคอนอมิก ฟอรัม” (ดับเบิลยูอีเอฟ) ประจำปี 2568

“การกีดกันทางการค้าไม่ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ และไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า” ติง กล่าวต่อที่ประชุมดับเบิลยูอีเอฟ โดยไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์โดยตรง

ทั้งนี้ จีนกำลังใช้แนวทางที่ระมัดระวังรอบคอบกับทรัมป์ และรัฐบาลปักกิ่งหวังว่า สหรัฐจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยุติธรรมสำหรับบริษัทจีน โดยหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดคุยกับทรัมป์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาก็หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลปักกิ่ง กับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ “จะเริ่มต้นได้ดี”

ขณะเดียวกัน ฟอน แดร์ เลเยน กล่าวว่า ความสำคัญอันดับแรกของอียู คือ การมีส่วนร่วมตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการหารือถึงผลประโยชน์ร่วมกัน และความพร้อมที่จะเจรจากับทรัมป์

“เราจะมุ่งเน้นการปฏิบัติ แต่เราก็จะยืนหยัดในหลักการของพวกเราเสมอ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ และยึดมั่นในคุณค่าของเรา” ฟอน แดร์ เลเยน กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ฟอน แดร์ เลเยน ยังเน้นย้ำว่า ยุโรปต้องมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับจีน เพื่อหาทางออกในผลประโยชน์ร่วมกัน แม้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองฝ่าย จะเพิ่มขึ้นก็ตาม

กระนั้น ติงกล่าวเตือนว่า ไม่ควรสร้างอุปสรรคด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจขัดขวางความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าแบบปกติ โดยอ้างอิงถึงมาตรการของอียูอย่างชัดเจน.

เครดิตภาพ : AFP