เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ม.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตข้อความผ่าน X กรณีเกิดฝุ่นจำนวนมากในกรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ในประเทศไทย ว่า ดิฉันไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีว่านี่คือวิกฤติสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2568 ก็ได้มีการหารือกับทีมรัฐบาลในประเทศเป็นระยะ โดยวันนี้ดิฉันได้ขอให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขฝุ่นควันทันที เบื้องต้นได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริหารสถานการณ์ฝุ่นควัน และเร่งจัดตั้งศูนย์ที่ทำหน้าที่สื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชน และให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นที่ปรึกษาและเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความต่อเนื่อง
นายกฯ ระบุต่อว่า นายอนุทิน ร่วมกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ กำหนดมาตรการเฉพาะหน้า ที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น นอกจากนี้ ให้รมว.การต่างประเทศ ประสานกับรัฐมนตรีอาเซียน ขอความร่วมมือแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน
นายกฯ ระบุอีกว่า ขณะที่ในระยะสั้นนี้ ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหา ดังต่อไปนี้ 1.ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ตัดสินใจทันทีเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2.กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และกวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเข้าตรวจสอบเป็นระยะ 3.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) บังคับใช้กฎหมายและตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด ดำเนินคดีกับผู้เผาป่า
นายกฯ ระบุต่อว่า 4.กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่นๆ ที่ผ่านการเผาอย่างเด็ดขาด และให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด 5.กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอให้กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง 6.กระทรวงมหาดไทย กำชับให้กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
นายกฯ ระบุว่า 7.กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องในการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 8.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ 9.กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน และ 10.กระทรวงสาธารณสุข ให้ สธ. ทั่วประเทศ คุมเข้ม 5 มาตรการ ทั้งนี้ ฝุ่นควัน คือวาระแห่งชาติ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและจะเดินหน้า ทำทุกมาตรการให้เกิดผลโดยเร็ว.