นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่า ได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการใช้เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำและโปรยน้ำแข็งแห้ง เพื่อเป็นการเจาะช่องบรรยากาศให้สามารถระบายฝุ่นละอองต่อไปได้ โดยแผนปฏิบัติการของกรมฝนหลวงฯ จะทำการบินทุกวันในช่วงเช้าตั้งแต่ 10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.00 น. ใช้เวลาบินประมาณ 20 ถึง 30 นาที
ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำการบินในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะบูรณาการร่วมกับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในการกำหนดชั้นความสูงและกำหนดพื้นที่ในกรุงเทพชั้นในเพื่อทำปฏิบัติการลดฝุ่น ซึ่งบางจุดต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการบินของเครื่องบินเชิงพาณิชย์ชั่วคราว เพื่อให้การปฏิบัติการฝนหลวงได้อย่างปลอดภัย
โดยพื้นที่กรุงเทพชั้นใน จะจำกัดระดับความสูงไม่เกิน 3,000 ฟุต และหากจะทำการบินในพื้นที่ดังกล่าวได้ จะต้องมีการประสานงานล่วงหน้า เพื่อให้เครื่องบินจากสนามบินมีการเปลี่ยนเส้นทางบินชั่วคราว ประมาณ 10 ถึง 20 นาที หลังจากนั้นจึงจะสามารถใช้เส้นทางบินได้ตามปกติ นับเป็นปีแรกที่กรมฝนหลวงฯ กับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพชั้นในอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ข้อมูล ณ 22 ม.ค. 68) พบว่า ภายหลังปฏิบัติการฝนหลวง ค่าความเข้มข้นฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) มีแนวโน้มลดลง ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจากการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุด พบว่าอันดับของกรุงเทพฯ จากเดิมที่มีค่าคุณภาพอากาศ (AQI) เท่ากับ 168 (อันดับที่ 14) เปลี่ยนเป็นค่าคุณภาพอากาศ (AQI) เท่ากับ 134 (อันดับที่ 21) แสดงให้เห็นว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีค่ามลพิษทางอากาศลดลง เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วโลก