เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 24 ม.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25) ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค. 2568  ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ที่เดินทางมาได้พบกับบริษัทเอกชนและผู้นำแต่ละประเทศมากกว่า 20 ภารกิจ โดยการพบเอกชนที่เห็นความคืบหน้ามากที่สุด คงเป็นกรณีที่ได้พูดคุยกับกลุ่มบริษัท DP World (UAE) ได้พูดคุยเรื่องแลนด์บริดจ์ที่อยู่ระหว่างการศึกษา ที่เป็นการต่อยอดมาจากรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศ ที่บางคนยังไม่เจอกันมาก่อน และยังได้พูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ มีจำนวนมาก ทุกคนได้กระจายกันไปพูดคุยในวงหารือต่างๆ ทุกคนทำงานหนักมาก ตนให้คะแนน 10 เต็ม 10 ทุกท่าน เราช่วยกันเต็มที่เพื่อดึงดูดนักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก เพราะเวทีใหญ่แบบนี้ไม่ได้มีขึ้นง่ายๆ มีภาครัฐและเอกชนมารวมกันจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะได้มีคอนเนกชั่นเพิ่มทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและภาครัฐ

“ได้ย้ำไปว่า คนไทยมีศักยภาพ อนาคตของธุรกิจที่จะเข้ามาไม่ว่าจะเป็น AI หรือเทคโนโลยี เราก็ได้บอกบริษัทต่างๆ ให้จัดการอบรมมาสอนคนของเรา และให้เขาทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักศึกษาไทย รัฐบาลจะสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ ไปศึกษาเกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยีต่างๆ เราต้องการเตรียมคนของเราให้มีศักยภาพพร้อม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต” นายกฯ กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การมาประชุมครั้งนี้ ได้มีการลงนาม ลงนามความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ระหว่าง ไทย กับ เอฟตา หรือ สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Associations : EFTA) ถึงวางแผนจะลงนามกับสหภาพยุโรป (อียู) ในปีนี้ เพื่อเปิดประตูบานใหญ่ให้ประเทศไทยได้ทำการค้ากับประเทศในอียู หวังว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้ในระยะยาว 

“เรามีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก และสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศเรา จะมีการเมืองที่มีเสถียรภาพ สามารถผลักดันนโยบายดีๆ ต่อเนื่องได้ เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจว่า ไม่ใช่ว่ามาลงทุน 1-2 ปี แล้วก็ไป เราอยากให้เขามาลงทุน แล้วอยู่นานๆ เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในประเทศ นี่คือสิ่งที่ดิฉันตั้งใจทำ และคิดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้มากพอสมควร” นายกฯ กล่าว.