เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า ท่ามกลางปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ของประเทศไทย กำลังวิกฤติอย่างหนัก จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางการแก้ไข และการเอาจริงเอาจังของรัฐบาลดังมากขึ้น จน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน และเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพของประชาชน ว่า ขอความช่วยเหลือจากทุกคนร่วมมือกันทำให้ฝุ่นน้อยลง วันที่ฝุ่นเยอะ มันอยู่ในอากาศ เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้ เราเตรียมเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่และเต็มกำลัง ซึ่งตนฟังการให้ความเห็นของ น.ส.แพทองธารแล้ว รู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีการตอบคำถามในลักษณะเช่นนี้ เพราะเป็นการพูดใช้ภาษาในลักษณะแดกดันหรือประชดประชัน ไม่เหมาะสมกับวุฒิภาวะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี
นายเทพไท ระบุอีกว่า การที่นายกฯ พูดว่าเราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้ เป็นคำตอบที่ไม่ควรออกจากปากคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งควรจะตอบถึงสภาพความเป็นจริงว่า ปัญหาที่เป็นอยู่ ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย และเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในทันที จึงต้องขอความร่วมมือยกระดับการแก้ปัญหาให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งฟังแล้วจะรื่นหูกว่าคำพูดประชดประชันแดกดัน
นายเทพไท ระบุว่า ส่วนการที่นักข่าวถามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน พูดถึงนายกรัฐมนตรีว่าไปสูดอากาศดีที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะอากาศประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ โดยนายทักษิณได้แซะนายณัฐพงษ์ ว่าผู้นำฝ่ายค้านมีภารกิจเดียวคือค้านในสภา แต่ภารกิจนายกฯ มีมากกว่า ซึ่งเป็นคำพูดประชดประชันและแดกดันเช่นกัน เพราะเป็นที่รับรู้กันว่าคนที่มีตำแหน่งเป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบการแก้ปัญหาประเทศ มีบทบาทหน้าที่มากกว่าผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล การมาแดกดันว่านายกฯ มีภารกิจมากกว่าผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เพราะบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน ถ้าจะให้พิสูจน์ว่าใครมีฝีมือในการบริหารประเทศมากกว่ากัน ก็ต้องลองให้นายณัฐพงษ์ มาเป็นนายกฯ ดูบ้าง
“การพูดในลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นการพูดที่ไม่สร้างสรรค์ และควรนำไปใช้ทั้งนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ซึ่งการพูดที่ขาดวุฒิภาวะจะนำมาซึ่งความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมมากยิ่งขึ้น” นายเทพไท ระบุ