เข้าสู่โค้งสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. 68ที่จะถึงนี้ บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายต่างก็ลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง เพื่ออยากจะดึงอำนาจการเมืองท้องถิ่น มาต่อยอดการเมืองระดับประเทศ

เป็นที่น่าสังเกตว่าจังหวัดในภาคอีสาน มักจะมีบ้านใหญ่ดูแลพื้นที่อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยนำโดยพ่อใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศกร้าวบนเวทีว่าจะดึงพื้นที่อีสาน กลับมาอยู่ในอำนาจของเพื่อไทยให้ได้ ต้องจับตาดูว่ามนต์ขลังยังมีอำนาจจูงใจพี่น้องอีสานได้เหมือนครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

สำหรับพื้นที่ที่ดูแล้วจะดุเดือดและเป็นที่น่าจับตาที่สุดคงจะหนีไม่พ้น จ.ศรีสะเกษ ที่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อใหญ่ทักษิณ ได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วย นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัคร อบจ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ประชันกับนายกฯเกลี้ยง’ นายวิชิต​ ไตรสรณกุล​ ผู้สมัคร นายกอ อบจ.ศรีสะเกษ กลุ่มคนท้องถิ่น บิดาของ น.ส.ไตรศุลี​ ไตรสรณกุล เลขานุการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย​ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ที่ถึงแม้จะบอกว่าต้องทำตัวเป็นกลางและทำได้เพียงการส่งกำลังใจไปให้กับผู้สมัคร แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่า เป็นการสู้ศึกระหว่างพรรคการเลือดสีแดง และ สีน้ำเงิน.

ซึ่งในการปราศรัยครั้งนี้ นายทักษิณ ก็ได้ปราศรัยอ้อนขอคะแนนชาวศรีสะเกษว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้วมาก็ได้ทำพิธีไล่หนูตีงูเห่า เหลืออีก 2 ตัว ต้องยกให้ตนหมดทั้งจังหวัด ภารกิจของตนคือต้องทำให้พี่น้องพ้นความทุกข์ยาก อยากได้มือไม้ให้ตน  เพราะตอนนี้ตนเห็นแล้วว่าการเมืองท้องถิ่นคือสิ่งสำคัญในการเชื่อมการทำงานระหว่างท้องถิ่นกับรัฐบาล เพื่อพัฒนาท้องถิ่น 

ขณะนายวิชิต ก็มองว่า สำหรับผู้สมัครคู่แข่งนั้นในอดีตส่วนตัวไม่ให้ค่า แต่ในปัจจุบันการที่นายทักษิณ ลงพื้นที่หาเสียง จ.ศรีสะเกษ ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่จะมีพรรคการเมืองโดยเฉพาะหัวหน้าใหญ่ลงมา และยอมรับว่ามีความหนักใจ เพราะว่าคนที่มาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ตนในฐานะที่เป็นคนศรีสะเกษ ก็จะลองดูว่าระหว่างกลุ่มของเราในท้องถิ่น สามารถฝ่าอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทันกระแสหรือทันกระสุน ก็คิดว่าจะสู้เต็มที่

ถ้าถามว่าแนวโน้มเลือกตั้ง อบจ.ศรีสะเกษในครั้งนี้ ใครจะกุมชัยชนะได้นั้น แม้แต่คนในพื้นที่เองก็บอกเองก็ยังลังเล และตัดสินใจยาก เพราะดูเหมือนนโยบายหาเสียงของทั้ง 2  ฝ่ายจะถูกใจชาวบ้าน อยู่ไม่มากก็น้อย  

คนเก่าก็อยากอยู่ต่อ คนใหม่ก็อยากให้เปลี่ยน และเปลี่ยนได้อะไรที่ดีกว่าก็คงจะดีกับชาวบ้าน แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วไม่ก้าวหน้า ก็คงต้องกลับมานั่งถามว่า เปลี่ยนไปทำไม คงต้องจับตาดูว่าศึกช้างชนช้างในครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ