จากกรณีพระลูกวัดของวัดแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร เจอซากงูกินหาง 2 ตัว มีลักษณะเป็นงูเห่าสีดำ 1 ตัว และสีขาวลายดำอีก 1 ตัว โดยทั้ง 2 ตัวนั้นไม่เน่าและไม่เปื่อย ซึ่งตำราโบราณเชื่อว่าจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย และค้าขายเจริญรุ่งเรือง จนทำให้คนบนโลกออนไลน์ต่างฮือฮา และพูดกันในโลกโซเชียลกันอย่างล้นหลาม ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “Nick Wildlife” หรือ นายนิค หัวหน้าทีมอสรพิษวิทยา ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “ตอนนี้มีท่านผู้ชมทำการส่งลิงก์ข่าวมายังเพจ Nick Wildlife เกี่ยวข้องกับงูที่แปลกประหลาดข่าวหนึ่ง เป็นงูที่กินหางหัวเองเป็นบ่วง ที่เขาเรียกว่าบ่วงนาคบาศ บ่วงนาคบาศในตำรากล่าวถึงงูสองตัว ที่แต่ละตัวกินหางของอีกฝ่ายค่อยๆ กินจนกลายเป็นวงกลม เขาบอกว่านี้คือเป็นเหมือนของขลังที่เสริมเรื่องเมตตามหานิยม โชคลาภการค้าขาย แต่จากในข่าวมันเป็นอีกกรณีหนึ่ง”

อีกทั้ง “เท่าที่เราอ่านข่าวมันเป็นการพบโดยบังเอิญ ของพระพระภิกษุในวัดแห่งหนึ่ง ท่านก็ทำความสะอาดวัดปกติและบังเอิญไปเจอซากงูในกองไม้ ซึ่งถ้าเป็นซากงูแห้งๆ ปกติก็คงไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ แต่ว่ามาเจอซากงูที่ดูสมบูรณ์ไม่เน่ามีสองตัว แต่ละตัวกินหางของตัวเอง นาคบาศเป็นงูสองตัวที่กินหางของอีกฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่เป็นงูสองตัวกินหางตัวเอง จนกลายเป็นเหมือนกำไลสองวง บางท่านก็เลยสงสัยว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า หรือว่าเกิดจากการทำขึ้นของมนุษย์”

โดยจากการทดสอบของที่ผ่านมา ที่เราได้เห็นพร้อมๆกันมันก็จะนำมาซึ่งข้อสันนิษฐานดังนี้ว่า “งู” ที่เป็นปรากฏการณ์ฮือฮาในข่าวมันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ มันเกิดจากฝีมือมนุษย์ ถามว่าเพราะเหตุผลใด มีดังต่อไปนี้
1. ความสมบูรณ์ของซาก คือ ซากสัตว์ไม่ว่าอะไรก็ตามพอตายไปแล้วมันก็จะเกิดการเสื่อมสลาย เกิดการเน่าเปื่อยผุพัง งูที่เห็นในข่าวมันสมบูรณ์มากๆ มันน่าจะเกิดจากการสตัฟฟ์มากกว่า
2. สัดส่วน นึกภาพงูตัวยาวๆ กินตัวเองจนเหลือวงเล็กตัวที่เหลือจะเอาไปไว้ไหน ถ้าไม่ใช่การตัดตัวไปส่วนหนึ่งแล้วก็ยัดเข้าไปในปาก

อย่างไรก็ตาม “เมื่อไม่นานมานี้ได้เห็นภาพในเพจบางเพจ เขาขายเครื่องรางของขลัง เขาบอกว่ามีบ่วงนาคบาศจำหน่าย ซึ่งจะส่งเสริมเรื่องของเมตตามหานิยม การค้าขาย ก็จะเป็นงูเห่าแบบที่เห็นในข่าว เขาก็มีการซื้อขายกัน จะเป็นไปได้ไหมว่าอาจจะมีใครบางคนซื้อมา แล้วไม่เห็นว่าจะค้าขายดีเลย หรืออาจจะไม่ชอบว่านี้คืองูมันเหมือนงูเป็นๆ เลยก็เลยเอามาทิ้งไว้ในวัด จนทางพระไปเจอเข้าก็อาจเป็นไปได้”

อย่างไรก็ตาม “จะบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหหมดเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น แล้วก็ทางวัดเขาก็เตือนมาแล้วว่าให้ดูว่ามันเป็นของแปลก อย่าไปงมงายกันมาก พระท่านก็บอกมาแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องของความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าสิ่งที่เราจะอธิบายได้ก็คือว่ามันไม่น่าจะเกิดจากธรรมชาติ ในเรื่องของความศรัทธาตรงนี้เราให้ความเคารพ แต่ว่าจากที่เห็นเราก็ต้องพูดในแง่ของวิทยาศาสตร์และก็ความเป็นจริง” นายนิค หัวหน้าทีมอสรพิษวิทยา กล่าว

ขอบคุณข้อมูล : Nick Wildlife