ในบรรดาพื้นที่ที่มีการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) “ศรีสะเกษ” ถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่ถูก จับตามอง เพราะเป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล “เพื่อไทย (พท.)” กับ “ภูมิใจไทย (ภท.)” โดยพรรคแกนนำรัฐบาลส่ง “นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ” ลงสมัคร  ส่วนนายวิชิต ไตรสรณกุล ลงสมัครในนามกลุ่มฅนท้องถิ่น แต่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับพรรค ภท. อีกทั้ง “น.ส.ไตรศุลี​ ไตรสรณกุล” ลูกสาว​นายวิชิต ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียง  ก็เป็น เลขานุการ รมว.มหาดไทย  ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ทำหน้าที่ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

ยิ่งดูรูปแบบการปราศรัยหาเสียงของ “นายทักษิณ ชินวัตร” ผู้มากบารมีในรัฐบาลและพรรคแกนนำรัฐบาล  ระหว่างการลงพื้นที่วันที่ 21-25 ม.ค. หลายคนประเมินว่า  อาจเกิดความขัดแย้ง ในพรรคร่วมรัฐบาลอนาคต เพราะขนาด ในโลกโซเชียล ยังนำประเด็นนายทักษิณ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ปราศรัยช่วยหาเสียง ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้เลือกผู้สมัคร นายก อบจ. พรรค

พท. ในการเลือกตั้งรอบที่แล้วได้ใช้ยุทธการ “ไล่หนูตีงูเห่า” ได้ สส.ศรีสะเกษมา 7 เขต จากทั้งหมด 9 เขต แต่มารอบนี้นายก อบจ.ด้วย พร้อม สส.ทั้งหมด 9 เขต 

โดยมีการแชร์ภาพข่าวการร่วมรัฐบาลระหว่าง “พรรคพท.” และ “พรรคภท.” และมีการแชร์ภาพการตีกอล์ฟระหว่างนายทักษิณ และนายอนุทิน หลายครั้ง โดย ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย หลายรายโพสต์ในทำนองตั้งคำถาม “จะไล่หนูกี่โมง” “ตาสว่างกันสักทีเถอะ พี่น้องชาวศรีสะเกษ” เพราะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรค พท.และ นายอนุทิน ก็จับมือกันเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่นายทักษิณพูดว่าจะไล่หนูตีงูเห่า

เมื่อลองไล่ไปดู เนื้อหาคำปราศรัย ของนายทักษิณ  ที่สนามฟุตบอล (บ้านสวนสส.ธเนศ) ตอนหนึ่งระบุว่า “ทำงานใช้หนี้คนไทย  เพราะพี่ น้องไม่เคยลืมเลย  ตนไม่อยู่ก็ยังเลือก สส.ให้ เมื่อพี่น้องไม่ลืม ก็ต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณ จะตอบแทนบุญคุณ พี่น้องโดยเฉพาะพี่น้องศรีสะเกษที่คราวที่แล้ว ยุทธการไล่หนูตีงูเห่าได้สำเร็จ ดีมากเลย แต่ยังไม่หมดดี เอาให้หมดเลย โดยเฉพาะอบจ.เปลี่ยนได้แล้ว นายก อบจ.เปลี่ยนได้แล้ว เปลี่ยนเป็นวิวัฒน์ชัยได้แล้ว ตนจัดการเอง”

หรืออีกช่วงหนึ่งระบุว่า ได้ข่าวว่ากำนันผู้ใหญ่บ้าน ถูกเรียกไปสั่งการนู่นนี่ ผมบอกว่าข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง ถ้าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง ก็ตัวใครตัวมัน วันนี้การแข่งขันทางประชาธิปไตยต้องเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรม พี่น้องจะได้ใช้ดุลพินิจของพี่น้องว่า จะเลือกใครใช้งานใคร วันนี้ผมจัดทีมไว้แล้ว ทีม สส. สจ. ดังนั้นเอาทีมนี้มารับใช้พี่น้องและส่งต่องานให้ผม  จะได้ช่วยพี่น้องเต็มที่ 

ต้องยอมรับว่าสองประเด็นดังกล่าว พาดพิงพรรค ภท.ไปเต็มๆ เพราะในการเลือกตั้งเมื่อปี 66  ที่ จ.ศรีสะเกษ มี การต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่าง “ภท. กับ “พท.”  โดย อดีตสส. พรรค พท. ย้ายไปสังกัดพรรค ภท.  ต่อเนื่องมาถึงการเลือกนายก อบจ. ซึ่งนายทักษิณ หมายมั่นปั้นมือ จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้  ถึงกับลงพื้นที่ 2 วันติด เปิดปราศรัยหลายเวที  อีกทั้งเนื้อหาการปราศรัยยังพาดพิงพรรคร่วมรัฐบาล  จนทำให้โลกโซเชียล ออกมาเหน็บแนม  ต้องรอดูการสื่อสารครั้งนี้ จะกระทบกับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่  และ จะบานปลาย กลายเป็นปัญหาในการทำงานร่วมกันของฝ่ายบริหารในอนาคต 

ยังมีกระแส คัดค้านอย่างต่อเนื่อง หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร  หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะตรวจร่าง และปรับร่างกฎหมาย ก่อนเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ภายใน 1-2 เดือนนี้  สำหรับร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฉบับนี้ ถือว่า เป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ข้อที่ 7 คือ เพื่อการ ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รูปแบบใหม่ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย  โดยมีกาสิโนถูกกฎหมาย ประมาณ 10%  ของพื้นที่  นอกจากจะนี้รัฐบาลยังเตรียมผลักดันพนันใน รูปแบบออนไลน์  มาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย 

แต่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิด้าเปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การพนันร้อน ๆ มาแล้วจ้า …” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค. 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อเรื่อง สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลักของ นิด้าโพล สุ่มตัวอย่าง แบบหลายขั้นตอน โดยเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

นอกจากนี้จากการสำรวจเมื่อถาม ความคิดเห็นของประชาชน ต่อนโยบายการอนุญาตการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรที่รวมกาสิโน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.16 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย ทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า เห็นด้วย ทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน ร้อยละ 8.63 ระบุว่า เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่มีกาสิโน ร้อยละ 1.68 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 1.60 ระบุว่า เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว อีกทั้งสำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการแก้กฎหมายให้ การพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 58.32 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 19.92 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และ ร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำประชามติเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.07 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย รองลงมา ร้อยละ 37.86 ระบุว่า เห็นด้วย กับการทำประชามติ ทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ร้อยละ 5.11 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะ เรื่องสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโน ร้อยละ 3.89 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ร้อยละ 1.99 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ

จากข้อมูลจะพบว่า  ทั้ง การเปิดกาสิโน และ การเล่นพนันออนไลน์  คนส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วย หรือนี่จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลไม่กล้า จัดทำประชามติ เพราะเกรงว่า เสียงส่วนใหญ่ จะคัดค้าน เพราะเรื่องนี้เป็น นโยบายเรือธง ของรัฐบาล 

ด้าน “นายเทพไท เสนพงศ์” อดีตสส.นครศรีธรรมราช  ออกมาให้ความเห็นกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ อ้างว่า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จะเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้ประเทศไทยเกิดรายได้ใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้จีดีพีโต รวมถึงจะทำให้ เกิดการสร้างงาน ก็ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข้ออ้างของรัฐบาล ตามความต้องการของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่อยากปั่นจีดีพีของประเทศให้สูงขึ้น  ซึ่งในความเป็นจริง เราสามารถหารายได้จากการท่องเที่ยวใช้จุดเด่น ด้านความเป็นธรรมชาติ  ไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งอบายมุขเป็นจุดขายการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลไม่จำเป็นต้องอธิบาย หรือทำความเข้าใจ อะไรมาก เพราะทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน การเปิดบ่อนกาสิโน ได้เสนอข้อมูลต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแล้ว ถ้าหากรัฐบาลจะให้ประชาชนมีส่วนร่วม และตัดสินใจร่วมกัน ก็ควรจะทำประชามติ สอบถามความเห็นประชาชนจะดีที่สุด

ในที่สุดถึงคิว แจกเงินหมื่นเฟส 2 โดย “นายจิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกประสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า วันที่ 27 ม.ค. เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเป็นประธานในงานเปิดตัว โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยจะกดปุ่มส่งมอบเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิฯ จำนวนกว่า 3 ล้านคน  ทั้งนี้นายกฯ จะพูดคุย กับผู้ที่ได้รับเงิน จำนวน 10,000 บาท ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เพื่อสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ พร้อมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของตัวแทนประชาชนที่ได้รับการ สนับสนุนเงิน 10,000 บาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล การขับเคลื่อน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เป็นรูปธรรมตามแนวนโยบายของค รม.ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา

“ในวันที่ 27 ม.ค. รัฐบาลจะดำเนินการโอนเงิน ตามที่ได้ลงทะเบียน ไว้กับแอปทางรัฐ หากติดขัดยังไม่ได้รับ กระทรวงการคลังจะทำการโอนซ้ำ ให้ ผู้มีสิทธิตามโครงการฯ  อีก 3 ครั้ง เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ  แล้วจะรวบรวม ข้อมูลส่วนที่เหลือ เพื่อประมวลเหตุผลในการที่ยังไม่ได้รับ เช่น บางกลุ่ม อาจไม่มีสมาร์ตโฟน และ ไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งรัฐบาลจะรอผลจำนวนตัวเลขที่เหลือ เพื่อกำหนดทิศทางและวิธีการต่อไป” นายจิรายุ กล่าว

ต้องรอดูกลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน และไม่ได้ลงทะเบียนจะ มีโอกาสได้เงินหมื่น หรือไม่ รวมทั้งเสียงวิจารณ์ว่าการแจกเงินในช่วงนี้  เพราะ หวังผลทางการเมือง  เนื่องจากวันที่ 1 ก.พ. จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ.

ทีมข่าวการเมือง