เมื่อวันที่ 27 ม.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้ นายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมปฏิบัติการจับกุม พ.ต.ท. สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสะเดา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 201

สืบเนื่องจากเมื่อเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 เวลา 05.10 น. ผู้เสียหายได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอยู่ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ โดยมี พ.ต.ท. สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสะเดา ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน โดยเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว และมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในวันที่มีการจับกุม โดยอ้างว่าเป็นหลักประกันปล่อยชั่วคราว จำนวน 75,000 บาท และยังเรียกเงินอีกจำนวน 5,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าตอบแทนในการทำสำนวน และอำนวยความสะดวกในการประกันตัว ต่อมายังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายอีกจำนวน 20,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมในการทำสำนวนคดี ซึ่งผู้เสียหายได้มอบเงินให้แล้วรวมจำนวน 85,000 บาท คงเหลืออีกจำนวน 15,000 บาท ซึ่งนัดหมายให้ผู้เสียหายนำมามอบให้ในวันที่ 27 มกราคม 2568 ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การร่วมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9

และในวันนี้ (27 ม.ค. 2568) พ.ต.ท.นันทกฤษณ์ ได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินจำนวน 15,000 บาท มามอบให้ในรถยนต์ส่วนตัว เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ จากการตรวจสอบพบเงินสดจำนวน 15,000 บาท ในรถของ พ.ต.ท. เจ้าหน้าที่จึงยึดเงินสดของกลางไว้เป็นหลักฐานในคดี และควบคุมตัว พ.ต.ท. โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 และนำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับและสอบปากคำเบื้องต้น ในชั้นนี้ผู้ถูกกล่าวหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.