เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. ว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. โค้งสุดท้ายคงผ่านพ้นไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เหลือในวันที่ 31 ม.ค. ที่ไม่มีประชุมสภา สิ่งที่อยากให้ สส.ของพรรคทำคือการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิให้มากที่สุด
“เพราะสำหรับบ้านเกิดของท่านหมายถึงงบประมาณหลักพันล้านบาท อนาคตอีก 4 ปี จังหวัดบ้านเกิดของท่านจะหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงการจับตาเหตุการณ์ที่ผิดปกติในการเลือกตั้งเราจะจับตาอย่างเช่นเคย” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า กระแสตอบรับของผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ดี เป็นที่น่าพอใจ นอกจากการตอบรับและกำลังใจของประชาชนที่มอบให้ เรายังเห็นการทำงานอย่างเข้มแข็งของทีมงานเครือข่ายพรรคแต่ละจังหวัด ที่พยายามสร้างพรรคมวลชนขึ้นมา ซึ่งเราทำงานกันอย่างเต็มที่ค่อนข้างมั่นใจในคะแนนเสียง จะแพ้หรือชนะปัจจัยแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน เราต้องให้เกียรติผู้แข่งขันเนื่องจากในหลายจังหวัดเป็นผู้ที่มีฐานคะแนนเสียงอยู่มากพอสมควร เรามั่นใจว่าสู้ได้
“ที่ผ่านมา ผมไม่ใช้คำว่ากลัว แต่คู่แข่งน่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาอยู่พอสมควร กระแสที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือมีผู้สมัครหลายคนที่ลงในนามอิสระมักจะใช้เอกลักษณ์ของพรรคในการทำป้ายหาเสียง ซึ่งสะท้อนเป็นอย่างดีว่ากระแสพรรคยังคงอยู่ ประชาชนยังคงให้การสนับสนุน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามตั้งเป้าได้นายก อบจ.ไว้กี่จังหวัด นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงจะประเมินแบบนั้นไม่ได้ แต่เราเต็มที่ในทุกจังหวัดจริงๆ ทุกจังหวัดที่ส่งผู้สมัครเรามั่นใจว่ามีลุ้น
ส่วนการกำชับ สส.ของพรรคให้เข้ามาประชุมสภานั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรากำชับกันตลอดว่าการจะไปช่วยหาเสียง ต้องไปวันที่ไม่มีประชุมสภาเพราะถือว่าไม่เป็นเวลาราชการ
เมื่อถามว่าการแจกเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 1 หมื่นบาท ในเฟสที่ 2 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะทำให้การเลือกตั้งอบจ.พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ด้วยจังหวะคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องถูกตั้งคำถาม ว่าการแจกเงินเฟส 2 ในช่วงที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งแบบนี้จะเรียกว่าการซื้อเสียงหรือไม่ เราเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณเพียงพอว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล เงินที่นำมาใช้คือภาษีของประชาชนไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่จะต้องจับตาดู คือการแจกเงินรอบที่แล้วตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันต่อหลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว
ส่วนในเฟสที่ 3 มีการกำหนดว่าจะแจกในช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อาจจะไม่ขนาดนั้น มีแค่ครั้งนี้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยพอสมควร แต่การแจกช่วงใกล้เทศกาลอาจมีเหตุผลที่เป็นช่วงประชาชนจับจ่ายใช้สอย ในนโยบายอยากให้เงินหมุนเร็ว คงอยากให้เงินเข้าเร็วออกเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจหมุน ต้องยอมรับว่าในช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่เงินหมุนเร็ว.